ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบแนวนโยบายและแนวทางการช่วยผู้ประกอบการ SMEs ในปี 2566 แก่ บสย. โดยให้ความสำคัญกับภาคเกษตร ซึ่งกำลังมีการปรับตัวอย่างมากในขณะนี้ พร้อมเน้นย้ำให้ บสย.ช่วยสนับสนุนส่งเสริมการเข้าถึงสินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อภาคเกษตรเพื่อช่วยยกระดับเสริมแกร่งเติมเต็มศักยภาพในแข่งขันเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2566 โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคเกษตรแปรรูป ที่กำลังมีการเติบโตก้าวสู่เกษตรยุคใหม่ Smart Farmer มากขึ้น อาทิ กลุ่มเกษตรกรที่หันมาลงทุนการปลูกผักปลอดสารพิษ และผักออแกนิกส์ ส่งจำหน่ายในโรงเรียน โรงพยาบาล โรงแรม และร้านค้า ซึ่งผลิตภัณฑ์ข้างต้นมีวงจรผลิตภัณฑ์ค่อนข้างสั้น ทำให้เกษตรกรมีรายได้กลับเข้ามาเร็วกว่าการปลูกพืชชนิดอื่น เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยพัฒนาภาคการเกษตรให้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน
โดยผลดำเนินงานค้ำประกันสินเชื่อ ภาคการเกษตร ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2565 มีการอนุมัติวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ รวมกว่า 15,929 ล้านบาท สูงสุดเป็นลำดับ 2 รองจากภาคบริการ คิดเป็นสัดส่วน 11.15% ของวงเงินอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อรวม 142,876 ล้านบาท
ทั้งนี้ กรรมการและผู้จัดการทั่วไป ได้รายงานความคืบหน้า การเพิ่มบทบาทการเข้าถึงผู้ประกอบการ SMEs ผ่านช่องทาง LINE TCG First ภายหลังการเปิดตัวเมื่อ 1 สิงหาคม 2565 พบว่ามีจำนวนผู้ประกอบการ SMEs เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดย รมว.คลังได้สนับสนุนให้ บสย. เร่งสร้างการรับรู้ต่อเนื่องจากการ Rebranding บสย. ในช่วงกลางปี 2565 ที่ผ่านมา
ที่มา: บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม