ภก. สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของประเทศไทย โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการออกแบบพัฒนาสูตรตำรับยาตามหลักการเภสัชกรรม การคัดสรรวัตถุดิบ การควบคุมและตรวจสอบขั้นตอนการผลิต เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยและได้คุณภาพตามมาตรฐานระดับสากล ซึ่งปัจจุบันได้ผลิตและจำหน่ายยาสามัญแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องมือแพทย์ เพื่อจำหน่ายให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการ (Business to Business : B2B) ทั้งโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน บริษัทเอกชนและร้านขายยาค้าปลีกทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง (Business to Consumer: B2C) ผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด เช่น ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และช่องทางออนไลน์ผ่านทาง BKD Viva Healthy at Home
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ (1) กลุ่มผลิตภัณฑ์ยา (Pharmaceuticals) ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ ประกอบด้วย เวชภัณฑ์ยาสามัญแผนปัจจุบัน (Generic Drugs) ที่บริษัทฯ ผลิตตามสูตรยาต้นตำรับ (Originator Drugs) หรือยาจดสิทธิบัตร (Patented Drugs) ที่สิทธิบัตรหมดอายุการคุ้มครองไปแล้ว โดยเน้นกลุ่มยาที่รักษาโรคไม่ติดต่อ (Non-communicable Diseases) เช่น กระดูกและข้อ ผิวหนัง ทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ เป็นต้น ผลิตภัณฑ์สมุนไพร (Herbal Medicines) เป็นยาที่ผลิตโดยนำสารสกัดจากสมุนไพรจากวัตถุดิบที่หาได้ในประเทศ เช่น พริก ไพล กระชายดำ ว่านหางจระเข้ เพื่อนำมาผลิตเป็นยาสำหรับผู้บริโภคที่รักษาโดยการแพทย์ทางเลือก เวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ (Animal Medicines) ผลิตและจำหน่ายเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์เศรษฐกิจ เช่น สุกร สัตว์ปีก โคนม และสัตว์น้ำ เป็นต้น เพื่อรักษาโรคติดเชื้อที่จะเกิดขึ้นในฟาร์มปศุสัตว์
(2) กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา (Non-Pharmaceuticals) ประกอบด้วย เวชสำอาง (Cosmetic) ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ สำหรับบำรุงผิวหน้าและผิวกายในรูปแบบต่างๆ เช่น ครีม ขี้ผึ้ง เจล เป็นต้น รวมทั้งรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับผู้ที่ต้องการทำสินค้าเป็นของตนเอง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Food Supplement) ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงข้อต่อ กล้ามเนื้อ กระดูก และบำรุงสายตา ในรูปแบบต่างๆ เช่น ชนิดเม็ด ชนิดผง เป็นต้น ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้แก่ เจลหล่อลื่น เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และสเปรย์ฉีดกันยุง เป็นต้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค กล่าวว่า บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของงานวิจัยที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยา จึงก่อตั้งศูนย์วิจัย BLC เพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มุ่งเน้นผลิตยาสามัญใหม่ (New Generic Drugs) รวมทั้งรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากหน่วยงานวิจัยต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อวิจัยและพัฒนาสารสกัดจากสมุนไพร ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์สมุนไพรผ่านการผลิตที่ได้มาตรฐานสากลเหมือนยาแผนปัจจุบัน ทำการศึกษาทางคลินิกเพื่อยืนยันประสิทธิผลการรักษา เป็นที่ยอมรับของบุคลากรทางการแพทย์ ช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงยาและการรักษาได้ดียิ่งขึ้น ลดการพึ่งพิงการนำเข้ายาหรือนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
"BLC ดำเนินธุรกิจยาและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพแบบครบวงจร ด้วยการวิจัยพัฒนา ผลิตและจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ตัวเอง และรับจ้างผลิตให้กับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนมุ่งเน้นพัฒนากระบวนการผลิตให้อยู่ในมาตรฐานระดับสากล เช่น GMP, ISO9001, ISO/IEC17025, ISO22000, GHP และ HACCP เป็นต้น ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นที่ยอมรับในความปลอดภัยและให้คุณประโยชน์แก่ผู้บริโภค ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับบุคลากร ซึ่งถือว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญของบริษัทฯ และยึดมั่นหลักการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน โดยเน้นหลักบรรษัทภิบาล เพื่อสร้างคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน" ภก. สุวิทย์ กล่าว
ล่าสุด บริษัทฯ ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ แบ่งเป็น 1) เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 120 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 20% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ 2) ผู้ถือหุ้นเดิมคือ Viva Sonata Pte., Ltd. เสนอขายหุ้นสามัญเดิมจำนวน 30 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 5% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ โดยบริษัทฯ มีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ลงทุนโครงการในอนาคต จ่ายคืนหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับที่ปรึกษาทางการเงิน และ/หรือผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการดำเนินการต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการ
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย