สำหรับภาคแรงงานสหรัฐฯพบว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรอยู่ที่ 2.23 แสนตำแหน่งพร้อมกับอัตราการว่างงานลดลงมาอยู่ที่ 3.5% ดีกว่าตลาดคาดไว้ที่ 3.7% อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ตลาดปรับขึ้นแรงเพราะว่าตลาดไปให้น้ำหนักกับค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงที่ปรับขึ้นเพียง 0.3%MoM ต่ำกว่าตลาดคาด 0.4%MoM และเป็นการลดลงต่อเนื่อง 2 เดือนติดต่อช่วยให้ตลาดคลายกังวลกับเงินเฟ้อและดอกเบี้ย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆบ่งชี้ถึงการอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ PMI ภาคบริการที่ต่ำกว่าตลาดคาดและต่ำกว่าระดับ 50 (49.6) พร้อมกับคำสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานหดตัวที่ 1.8%MoM แย่กว่าตลาดประเมินว่าจะหดตัวเพียง 0.9%MoM ภายหลังจากรายงานพบ US Bond Yield 2 , 10 ปีปรับลงต่อเนื่อง สะท้อนถึงการผ่อนคลายดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ ส่วนสัปดาห์นี้ตลาดจะไปให้น้ำหนักกับเงินเฟ้อสหรัฐฯที่มีกำหนดการจะเปิดเผยในช่วง 20.30 วันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทย Bloomberg ประเมินไว้ที่ 6.5%YoY ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 7.1%YoY หากต่ำกว่าตลาดคาดการณ์มองเป็นบวกเล็กน้อยกับสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงค่าเงินบาทให้ยังคงทิศทางแข็งค่าต่อไป ถัดมาตลาดจะไปให้น้ำหนักกับถ้อยแถลงของประธาน FED ในวันอังคารซึ่งมีกำหนดเข้าร่วมการประชุมวิชาการตลาดน่าจะจับตารอดูความเห็นเงินเฟ้อและดอกเบี้ย หากยังส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราชะลอตัวลง ก็ถือว่าเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ (เชื่อว่าจะออกมาแบบนั้น) ประเมิน SET INDEX สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวกรอบ 1660 - 1690 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังให้เน้นเป็นเพียงแค่ Trading ยังมองตลาดหุ้นรับรู้ปัจจัยบวกไปพอสมควรทั้งผ่อนคลายดอกเบี้ย ผ่อนคลายเงินเฟ้อ และการเปิดประเทศของจีน อย่างไรก็ตามช่วงถัดไปยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจถดถอยและปรับลดประมาณการกำไรบริษัทฯ ส่วนหุ้นแนะนำเน้นที่ยังปรับขึ้นน้อยแต่มีปัจจัยบวก อาทิ ธนาคารพาณิชย์ (SCB) ค้าปลีก (BJC HMPRO) สื่อสาร (ADVANC INTICH) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC RATCH) สื่อนอกบ้าน (PLANB) โรงภาพยนตร์ (MAJOR)
GPSC (ถือ / ราคาเป้าหมาย 69.00 บาท) คาดว่าอัตรากำไรจะฟื้นตัวเต็มที่ในช่วงครึ่งหลังปี 2023 ถึงปี 2024 จากคาดการณ์ว่าความตึงเครียดระหว่างยูเครน-รัสเซียจะคลี่คลายลงและราคาก๊าซกลับสู่ระดับปกติ
SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 144.00 บาท) SCB X ตั้งเป้าหมายการเติบโตรายได้เฉลี่ยที่ 10% ในปี 2022-25 ด้วยส่วนแบ่งธุรกิจดิจิทัลที่เพิ่มเป็น 1 ใน 3 ของรายได้รวม ด้วยเป้าหมายในการเร่งอัตราการเติบโตของกำไรที่เร็วยิ่งขึ้น และเพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ บริษัทจะเน้นธุรกิจ Gen 2 และ Gen 3 มากขึ้น โดยมีแผนการทำ IPO ธุรกิจ CARD X (ROE มากกว่า 20%) และ Innovest X (ROE 25%) ในปี 2025 และ AUTO (ROE มากกว่า 25%) ในปี 2027
ที่มา: บางกอก ออทัม