คุณนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "โออิชิ มีความมุ่งมั่นตั้งใจส่งต่อผลิตภัณฑ์อาหาร-เครื่องดื่มที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเสมอมา โดยให้ความสำคัญด้าน 'คุณภาพ' มาเป็นอันดับหนึ่ง พิถีพิถันทุกขั้นตอน ตั้งแต่วัตถุดิบที่ถูกคัดสรรทุกองค์ประกอบตั้งแต่แหล่งผลิตที่ได้มาตรฐานสู่โรงงานที่ทันสมัย เพื่อสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์อาหาร-เครื่องดื่มชั้นเลิศที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ และความปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคในการส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพ"
"โออิชิ กรีนที" ตอบเทรนด์ Health & Wellness เดินหน้าตอกย้ำคุณประโยชน์ชาเขียว
จากใบชา "คุณภาพ" ขยายฐานชาพร้อมดื่ม
สำหรับธุรกิจเครื่องดื่ม โออิชิ กรีนที ยังคงครองแชมป์เจ้าตลาดชาพร้อมดื่มหลังกวาดส่วนแบ่งตลาด 48% (ที่มา : NielsenIQ (ประเทศไทย) ตั้งแต่เดือนตุลาคม - กันยายน 2565) ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์หลักที่ขับเคลื่อนโออิชิ กรีนที คือ การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ โดยเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และขยายฐานผู้ดื่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่รักสุขภาพ ล่าสุดได้สร้างเซกเมนต์ใหม่ ชาเขียวน้ำตาล 0% ตอบรับเทรนด์สุขภาพที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเล็งเห็นโอกาสต่อยอดธุรกิจ เตรียมแผนลุยตลาดผ่านการสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดใหม่ ๆ ปลุกกระแสการดูแลสุขภาพ พร้อมตอกย้ำคุณค่าชาเขียว สร้างการรับรู้คุณประโยชน์ของคาเทชิน
ในปี 2566 ธุรกิจเครื่องดื่มเดินหน้าขับเคลื่อน 4 กลยุทธ์หลักดังนี้ (1) สื่อสารประโยชน์ของชาเขียว สร้างการรับรู้คุณประโยชน์ของคาเทชินที่มีในชาเขียวโออิชิทุกขวด เนื่องด้วยใบชานั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพสูง มีสารคาเทชิน โดยเฉพาะยอดอ่อนใบชา 3 ใบ จากข้อมูลในหลาย ๆ งานวิจัยพบว่า คาเทชินทำหน้าที่ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งสารอนุมูลอิสระนี้เป็นสาเหตุของการเสื่อมเสียต่าง ๆ และเป็นต้นเหตุของความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามอายุที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสดชื่น (2) ขยายฐานกลุ่มวัยรุ่น เพิ่มมูลค่าให้กับบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างความผูกพันกับกลุ่มวัยรุ่น (3) ขยายเซกเมนต์น้ำตาล 0% สร้างการเติบโตให้กับสินค้ากลุ่มน้ำตาล 0% เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรักสุขภาพ เช่น โออชิ ฮันนี่ เลมอน น้ำตาล 0% ที่ได้รับการตอบรับดีมากจากผู้บริโภคหลังจากเปิดตัวไปในปีก่อน รวมถึง โออิชิ โกลด์ ก็ยังคงตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่รักสุขภาพ ผลิตจากใบชานำเข้าจากไร่ชามัตสึดะ ประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รางวัล The Emperor's Cup ชารางวัลจักรพรรดิญี่ปุ่นปี 2015 และรางวัล ต่าง ๆ มากมาย ไร่มัตสึดะตั้งอยู่ที่เมืองโอมาเอซากิ เป็นเมืองที่เหมาะแก่การเพาะปลูกชา ภูมิประเทศชุ่มชื้นจากสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์มาก ประกอบกับน้ำที่ได้จากเทือกเขาเจแปนแอลป์เป็นน้ำบริสุทธิ์ อุดมด้วยแร่ธาตุมากมายมาหล่อเลี้ยงต้นชา เจ้าของไร่ชา คุณสึโยมิ มัตสึดะ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องชาจากประสบการณ์ที่ตกทอดมา 5 ชั่วอายุคน จึงมีกรรมวิธีการผลิตชาที่พิถีพิถัน ใบชาทั้งหมดถูกเลือกเก็บจากยอดอ่อนใบชา หลังจากนั้นนำใบชาไปนึ่งด้วยไอน้ำ เพื่อหยุดการเปลี่ยนสีของใบชาและ คงคุณภาพชาไม่ให้เสียไป แล้วนำมานวดในทันที เพื่อให้ชาเกิดกระบวนการทางเคมี ใบชาจะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ เพื่อคงความสดของชาให้มากที่สุด หลังจากนั้นโออิชิจึงนำไปเข้าสู่กระบวนการผลิตด้วยนวัตบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ Cold Aseptic Filling หรือ CAF เป็นเทคโนยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในการผลิตเครื่องดื่มในปัจจุบัน ได้มาตรฐานระดับโลก สามารถควบคุมความสะอาด อีกทั้งยังคงรสชาติและคุณประโยชน์ของชาเขียวต่อร่างกายไว้ให้ดีที่สุด (4) ขยายตลาดส่งออก โดยเพิ่มความแข็งแกร่งในตลาดหลัก คือ กัมพูชา ลาว และพม่า ตลอดจนสร้างโอกาสการเติบโตในตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศอาเซียน
ธุรกิจอาหาร ยกระดับมาตรฐานบริการและคุณภาพ
ผลจากการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ประกอบกับแคมเปญการตลาดที่ตอบโจทย์และได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค รวมทั้งการควบคุมการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ธุรกิจอาหาร มียอดขายเติบโต 51.5% และมีกำไรสุทธิเติบโต 121% (เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2564)
เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ด้านกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มร้านอาหารญี่ปุ่น ด้วยการขยายสาขาและช่องทางการขายในรูปแบบ Multi Format และธุรกิจแฟรนไชส์ พร้อมเพิ่มความหลากหลายของช่องทางจำหน่ายแบบไร้รอยต่อ (Omni Channel) และการบริหารจัดการร้านอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมยกระดับมาตรฐานสินค้า/บริการ และคุณภาพ ด้วยการคัดสรรและเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ สะอาด สดใหม่ และได้มาตรฐานจากแหล่งผลิตชั้นนำทั่วโลก โดยเฉพาะจากประเทศญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อเรื่องวัตถุดิบอาหารคุณภาพสูง ซึ่งหนึ่งในแหล่งนำเข้าที่สำคัญ คือ "ตลาดโทโยสุ" (TOYOSU MARKET) ตลาดปลาและอาหารทะเลชั้นนำที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของวัตถุดิบทางทะเลที่สด ใหม่ และสะอาด มีการควบคุมอุณหภูมิและความเย็นภายในตลาดให้พอเหมาะ เพื่อให้สามารถรักษาคุณภาพและความสดของปลาและสินค้าอื่น ๆ ได้ตามที่ต้องการ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีการนำเข้าวัตถุดิบอาหารจากประเทศญี่ปุ่นในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ครอบคลุมทั้งอาหารทะเล เนื้อสัตว์ และเบเกอรี่ โดยกลุ่มอาหารทะเลมีปริมาณการนำเข้ามากที่สุด โดยเฉพาะปลาทูน่าญี่ปุ่น จากตลาดโทโยสุ เฉลี่ยนำเข้าสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง โดยมีการควบคุมอุณหภูมิระหว่างการจัดส่งอย่างเข้มงวด พร้อมกันนั้นยังดูแลการจัดเก็บวัตถุดิบอาหารอย่างมีมาตรฐาน เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสถึงความสด ใหม่ และรสชาติที่ดีที่สุดของวัตถุดิบได้อย่างแท้จริง
ด้านธุรกิจอาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมทาน ในช่วงก่อนและหลังสถานการณ์แพร่ระบาด อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงพร้อมทาน ได้เข้ามามีบทบาทกับวิถีชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ของผู้คนมากขึ้น เนื่องจากสินค้าในกลุ่มนี้มีคุณภาพ มีความสะดวกในการบริโภค และมีความหลากหลายของประเภทอาหาร บริษัทฯ จึงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมสินค้าอาหารสำเร็จรูปฯ โดยชูจุดแข็งด้านรสชาติ คุณค่าโภชนาการ และคุณภาพ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของฐานตลาดผู้บริโภคและยอดขาย ประกอบกับการพัฒนาสินค้าทั้งกลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และปรับเปลี่ยนตามกระแสความต้องการของผู้บริโภค เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำจิ้มและซอสปรุงรส (รวมทั้งน้ำซุปสุกี้ยากี้เข้มข้น), กลุ่มอาหารพร้อมทาน (ข้าวกล่องพร้อมรับประทาน) และกลุ่มหมูปรุงรส (หมูสับผสมข้าวโพดปรุงรส - แช่แข็ง) โดยวางจุดขายให้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมทานสไตล์ญี่ปุ่นที่มอบความสะดวก อร่อย ได้มาตรฐาน ตอบรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นและรักการทำอาหารกินเองที่บ้าน นอกจากนั้นยังเล็งเห็นโอกาสทางการตลาดจากเทรนด์สุขภาพมาแรง จึงพัฒนาสินค้า/อาหารสำเร็จรูป ที่มีคุณประโยชน์และดีต่อสุขภาพให้มากขึ้นอีกด้วย
ผลประกอบการโออิชิ กรุ๊ป เติบโต มั่นคง แข็งแกร่ง
ด้านผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2565 (1 ตุลาคม 2564 - 30 กันยายน 2565) บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สามารถสร้างการเติบโตของธุรกิจให้กลับมาแข็งแรงได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน เนื่องจากการวางแผนงานและปรับกลยุทธ์ต่าง ๆ ให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทำให้เราสามารถรับมือและเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์ที่เป็นปัจจัยลบต่าง ๆ ได้ กล่าวคือ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายทั้งสิ้นจำนวน 12,696 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,878 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตสูงถึงร้อยละ 29.3 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจเครื่องดื่มจำนวน 7,292 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,042 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 16.7 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และรายได้จากธุรกิจอาหารจำนวน 5,404 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,836 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 51.5 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในส่วนของกำไรสุทธิรวมของบริษัทฯ คิดเป็นจำนวน 1,199 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 654 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตที่ระดับร้อยละ 120 จากปีที่ผ่านมา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการเติบโตของธุรกิจเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นมาก เป็นหลัก และจากการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารที่ทำให้มีผู้บริโภคกลับมาใช้บริการที่ร้านมากขึ้น ประกอบกับมีการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแผนกลยุทธ์ในอนาคต โออิชิ กรุ๊ป มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจตามเป้าหมาย PASSION 2025 โดยสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค ส่งเสริมให้มีการนำนวัตกรรมมาพัฒนาอาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้นด้วยการออกสินค้าใหม่ ๆ ที่สอดรับกับแนวคิดเรื่อง Health & Wellness ที่เป็นเทรนด์สำคัญในปัจจุบันและอนาคต ประกอบกับขยายฐานลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ด้วยการจัดกิจกรรมการตลาดที่โดนใจผู้บริโภคต่อเนื่อง ตลอดจนผลักดันการเข้าถึงลูกค้าด้วยการขยายสาขา และหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของโออิชิ คือ ยึดมั่น "คุณภาพ" พร้อมมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจไปพร้อมกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และสังคม ภายใต้หลักธรรมาภิบาล เพื่อรักษาความเป็นผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่นอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
ที่มา: โออิชิ กรุ๊ป