นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ "KUN" ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบในเขตพื้นที่ชานเมือง เปิดเผยว่า ทิศทางการเติบโต ของบริษัทฯ ในปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2565 ที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากดีมานด์ผู้ที่ต้องการ ที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงเพิ่มสูงขึ้น หลังจากกำลังซื้อเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจภายหลังจากมีการเปิดประเทศ และล่าสุดจากการที่รัฐบาลจีนได้มีการประกาศปลดล็อคเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น ยิ่งส่งผลดีต่อการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจในไทย ทั้งการจ้างงานในภาคท่องเที่ยว และภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง จะหนุนให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลเชิงด้านบวกต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์เช่นกัน
"ความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบ ในพื้นที่ชานเมืองในปี 2566 ยังมีอยู่มาก การพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้าเป็นเรื่องที่"KUN"ให้ความสำคัญ โดยเห็นได้จากการมีพื้นที่ใช้สอยที่สามารถปรับการใช้สอยได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย และมีความคุ้มค่าน่าซื้อ ซึ่งเหล่านี้สะท้อนได้จากยอดเข้าชมโครงการที่ไม่เคยลดลง และจากการที่ในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยเป็นจำนวนมาก จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศและทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งเชื่อว่ากลับเข้าสู่ภาวะปกติ และจะทำให้สถาบันการเงินหันมาให้ความสำคัญและปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าในกลุ่มที่เคยได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากขึ้น อาทิ กลุ่มธุรกิจโรงแรม กลุ่มธุรกิจสายการบิน และกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันคุณาลัยเองก็มีลูกค้าในกลุ่มดังกล่าวเข้ามาเยี่ยมชมโครงการอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น จึงเชื่อว่าในปี 2566 นี้ จะเป็นปีทองอีกปีของคุณาลัยด้วย"
จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ "KUN" วางกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกับความต้องการที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยในปี2566 "KUN" ได้ขับเคลื่อนธุรกิจผ่านการเปิดตัว โครงการใหม่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 11,600 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดตัวโครงการใหม่ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนี้ ส่งผลให้ "KUN"ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้ " วิลล่า คุณาลัย" ครบทั้ง 4 ทิศรอบกรุงเทพฯ- ปริมณฑล ตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากโครงการใหม่ที่เตรียมเปิดตัว 2 โครงการ จะอยู่โซนทิศเหนือของกรุงเทพฯ ภายใต้ "โครงการคุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง 2" และ "โครงการ คุณาลัย นาวาร่า พระราม 2"อยู่โซนทิศใต้ของกรุงเทพฯ จากปัจจุบันคุณาลัยมีโครงการครอบคลุมพื้นที่การพัฒนาโครงการ 2 ทิศ คือ ทิศตะวันตกของกรุงเทพฯ(โซนบางบัวทอง ) และทิศตะวันออกของกรุงเทพฯ ( โซนฉะเชิงเทรา )
สำหรับ 3 โครงการใหม่ที่เตรียมเปิดตัวในปีนี้ ประกอบด้วย 1.โครงการคุณาลัย นาวาร่า พระราม 2 เป็นโครงการเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่มต้น 62 ตรว. ราคาเริ่มต้นที่ 5.98 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 3,700 ล้านบาท โครงการตั้งอยู่บน ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มองหาบ้านในโซนกรุงเทพตอนใต้ ที่ต้องการบ้านใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงเรียน รวมถึงการคมนาคมเข้ากรุงเทพฯชั้นใน ที่สะดวกสบายจากโครงการก่อสร้างทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก และยังได้รับอากาศที่ดีจากพื้นที่โซนบางขุนเทียน ซึ่งมีทั้งลมทะเลและพื้นที่ป่าชายเลนเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันโครงการเปิด Soft Opening เมื่อตุลาคมที่ผ่านมา และมียอดขายแล้ว จำนวน 10 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป
2.โครงการคุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง 2 เป็นโครงการเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มูลค่าโครงการรวม 7,300 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการวางแผนเปิดโครงการ คาดว่าจะเปิด Soft Opening ได้ในไตรมาสที่ 2/2566 นี้ คุณาลัยมองว่าโซนรังสิตเป็นโซนที่มีศักยภาพ มีอัตราการขยายตัวของที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ เช่น ห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล, โรงเรียน, มหาวิทยาลัย นอกจากนี้โซนรังสิตยังเป็นโซนที่สามารถเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ได้สะดวก และยังมีการพัฒนาในพื้นที่หลายโครงการที่เกิดขึ้น เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต หรือ รถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-คูคต จึงทำให้โซนรังสิตเป็นโซนที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นทุกปี โดยโครงการคุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง 2 ซึ่งจะเปิดขายในไตรมาส 2 นี้ คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่หาบ้านในโซนกรุงเทพตอนเหนือเป็นอย่างดี
3.โครงการ คุณาลัย เพอร์ร่า เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท โครงการตั้งอยู่โซนบางบัวทอง ซึ่งเป็นโซนที่คุณาลัยมีความถนัดในการพัฒนาโครงการ ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะเปิด Soft Opening ได้ในไตรมาสที่ 2/2566 โครงการถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปจากอดีต กล่าวคือ โครงการเน้นการใช้พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านให้ได้ประโยชน์มากขึ้น เช่น การจัดพื้นที่ในบ้านให้สามารถใช้เป็นห้องทำงานให้สอดคล้องกับการทำงานในยุคปัจจุบัน หรือการปรับเปลี่ยนเป็นห้องที่ไว้ใช้ถ่ายทำการขายสินค้าออนไลน์เป็นต้น นอกจากนี้โครงการคุณาลัย เพอร์ร่ายังให้ความสำคัญของธรรมชาติ โดยการสร้างบรรยากาศภายในโครงการให้สอดคล้องกับภูมิศาสตร์แวดล้อมของที่ตั้งโครงการ โดยให้ลูกค้าได้เข้าถึงการใช้ชีวิตในรูปแบบบ้านริมคลองที่มีความร่มเย็น
จากแผนกลยุทธ์การเปิดโครงการดังกล่าว ส่งผลให้ "KUN" ตั้งเป้ายอดขาย (Presale) ในปีนี้ไว้ที่ 1,800 ล้านบาท ขณะที่รายได้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตแตะระดับ 1,300 ล้านบาท ซึ่งทุบสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ต่อเนื่องจากปี 2565 ที่ผ่านมา โดย ณ สิ้นปี 2565 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวม 180 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2566 ทั้งหมด
"บริษัทฯ คาดการณ์ว่า ในปี 2566 จะมีการรับรู้รายได้จากโครงการในโซนบางบัวทอง ประมาณ 1,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทฯยังวางแผนปิดการขายโครงการ คุณาลัย จอน ออน 314 (โซนฉะเชิงเทรา) ที่ปัจจุบันมีจำนวนสินค้าเหลือขายประมาณ 20 ยูนิต ซึ่งคาดจะสร้างยอดรับรู้รายได้ประมาณ 100 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ คาดว่าในปี 2566 นี้จะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ทั้ง 3 โครงการ ได้แก่ โครงการคุณาลัย นาวาร่า พระราม 2, โครงการคุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง 2 และโครงการคุณาลัย เพอร์ร่า ซึ่งคาดว่าทั้ง 2 โครงการใหม่ในโซนทิศเหนือและทิศใต้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค สำหรับโครงการ "คุณาลัย นาวาร่า" จะเป็นโครงการที่มีอัตรากำไรดี ทั้งอัตรากำไรขั้นต้นที่ทำได้สูงกว่าอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยของบริษัท โดยเชื่อว่าโครงการดังกล่าว จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้"KUN"ในปี 2566 นี้ และทำให้อัตรากำไรปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางที่บริษัทวางไว้ "
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วิลล่า คุณาลัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในปีนี้ "KUN "มีแผนขยายตลาดไปในกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้น โดยจะเริ่มจากการทำตลาดผ่านตัวแทนจำหน่าย (Agent) ใน 2 โครงการ คือโครงการคุณาลัย นาวาร่า พระราม 2 และโครงการคุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง 2 ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้พฤติกรรมการมองหาที่อยู่อาศัยของลูกค้าต่างชาติเปลี่ยนไป มองประเทศไทยเป็นจุดหมายการใช้ชีวิต (Destination) จึงเป็นการมองหาบ้านแนวราบที่ให้ความสะดวกสบาย เพื่อการอยู่อาศัยที่เหมาะกับครอบครัว และสามารถอยู่ได้ในระยะเวลายาวขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เชื่อว่าหลังจากนี้ ตลาดบ้านจัดสรรจะเปลี่ยนสภาพไปเป็นการเช่าอยู่มากขึ้น ดังนั้น"KUN"จึงมีการศึกษาเพื่อเตรียมแผนรับมือกับเทรนด์ที่เปลี่ยนไป โดยอยู่ระหว่างการเตรียมแผน 5 ปี (ปี 2566-2570) ซึ่งในเบื้องต้นได้ตั้งเป้าหมายรายได้จะแตะระดับ 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2570 จากการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และในแผน 5 ปีจากนี้ "KUN"จะเติบโตไปในธุรกิจอื่น ๆทั้งในรูปแบบการร่วมทุน (JV) และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) อย่างไรก็ตามแผนดังกล่าว เป็นแผนซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้เท่านั้น
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์