ฟิทช์คงอันดับเครดิต บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย ที่ 'A+(tha)'; แนวโน้มเครดิตยังคงเป็นลบ

พฤหัส ๐๒ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๓ ๐๘:๔๓
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาว และอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ รวมถึงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของโครงการหุ้นกู้ระยะกลาง (Medium-Term Note Program) มูลค่ารวมไม่เกินสามแสนล้านบาทของ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ที่ 'A+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตยังคงเป็นลบ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term Rating) ที่ 'F1(tha)'

แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบของ SCC สะท้อนถึงความเสี่ยงที่ยังคงมีอยู่จากอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ ที่อยู่ในระดับสูงในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (หลังรวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วมและหักเงินปันผลจ่ายแก่ผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) หรือ EBITDA net leverage ของ SCC ในปี 2566 จะยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 3.5 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันของบริษัทฯ เนื่องจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจากธุรกิจเคมิคอลส์ที่ยังคงอ่อนแออย่างต่อเนื่อง ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินดังกล่าว จะลดลงไปอยู่ระดับประมาณ 3.5 เท่า ณ สิ้นปี 2567 และลดลงอย่างต่อเนื่องในปีถัดไป จากค่าใช้จ่ายลงทุนที่ลดลงและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่อาจจะต่ำกว่าที่คาด จากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่อาจจะชะลอตัวลง รวมถึงการฟื้นตัวที่ช้าของประเทศจีนหลังจากเริ่มเปิดประเทศ อาจจะทำให้การลดลงของอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ ช้ากว่าที่ประมาณการ

อันดับเครดิตที่ 'A+(tha)' สะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจหลักของบริษัทฯ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานจากธุรกิจที่หลากหลาย และความยืดหยุ่นทางการเงินที่สูงของบริษัทฯ

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
การลดลงของอัตราส่วนหนี้สินที่ยังคงท้าทาย - ฟิทช์คาดว่า EBITDA net leverage ของ SCC จะคงอยู่ที่ระดับ 4.5-5.0 เท่า ในปี 2565-2566 (ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 อยู่ที่ 4.7 เท่า) เนื่องจากผลประกอบการของธุรกิจเคมิคอลส์ที่อ่อนแอ การเริ่มดำเนินงานของโครงการ Long Son Petrochemicals (LSP) ในประเทศเวียดนาม ในกลางปี 2566 และส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2567 น่าจะทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ การฟื้นตัวของธุรกิจหรือผลประกอบการของโครงการ LSP ที่ต่ำกว่าที่คาด รวมถึงค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่สูงกว่าประมาณการโดยที่ไม่มีการเพิ่มทุนมาชดเชย อาจส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตได้

อัตราส่วนหนี้สินของ SCC อาจลดลงเร็วกว่าที่ฟิทช์คาดการณ์ได้ หากแผนการออกหุ้นเพิ่มทุนผ่านการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ของธุรกิจเคมิคอลส์ ซึ่งได้แก่บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC มีการดำเนินการแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม แผน IPO ดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดทุนที่มีความไม่แน่นอน และมีความเสี่ยงในการดำเนินการให้แล้วเสร็จ SCC ได้มีการยื่นคำขอเสนอขายหุ้น IPO ดังกล่าวต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อเดือนเมษายน 2565 และได้รับอนุญาตในเดือนตุลาคม 2565 แต่บริษัทฯ ยังไม่ได้การดำเนินการเสนอขายหุ้นตามแผนดังกล่าว เนื่องจากสภาพตลาดหลักทรัพย์ยังไม่เอื้ออำนวย

สถานะความเป็นผู้นำตลาด - อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจหลักของบริษัทฯ ได้แก่ กลุ่มสินค้าปูนซีเมนต์ กระเบื้องเซรามิก ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลาย (โพลีโอเลฟินส์และพีวีซี) และกระดาษบรรจุภัณฑ์ ในประเทศไทยและหลายประเทศในอาเซียน สถานะผู้นำตลาดในแต่ละผลิตภัณฑ์และประโยชน์ที่ได้รับจากการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงเฉพาะที่อาจเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง

การกระจายความเสี่ยงที่ดีขึ้น - ฟิทช์คาดว่ารายได้จากนอกประเทศไทย ทั้งในส่วนของฐานการผลิตในต่างประเทศและการส่งออก จะเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อโครงการ LSP เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2566 LSP เป็นโครงการปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกและมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม ซึ่งจะรองรับการเติบโตของความต้องการโพลิเมอร์ภายในประเทศ ซึ่งในปัจจุบันยังคงพึ่งพาจากการนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ การขยายธุรกิจโดยการเข้าซื้อกิจการของธุรกิจแพคเกจจิ้ง จะค่อยๆ ช่วยเพิ่มการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจของ SCC ด้วยเช่นกัน

ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์เคมีที่ต่ำ - ฟิทช์คาดว่า EBITDA ของ SCC จะเพิ่มขึ้นในปี 2566 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเริ่มดำเนินงานของโครงการ LSP รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบของธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง และธุรกิจแพคเกจจิ้ง ที่มีแนวโน้มลดลงบ้าง อย่างไรก็ตาม EBITDA ของ SCC น่าจะยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า EBITDA ในช่วงปี 2561-2563 เนื่องจากส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ไม่น่าจะฟื้นตัวกลับไปอยู่ในระดับปกติ หรือระดับเฉลี่ยของวัฏจักร

ฟิทช์คาดว่า สภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวในปี 2566 น่าจะส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีโดยรวม แม้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจีน หลังจากการผ่อนคลายความเข้มงวดของมาตรการโควิดเป็นศูนย์จะช่วยลดทอนความเสี่ยงลงได้บ้าง นอกจากนี้ กำลังการผลิตใหม่ในอุตสาหกรรมซึ่งจะมาจากประเทศในเอเชียเป็นส่วนใหญ่ น่าจะกดดันส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ในขณะที่ราคาวัตถุดิบของสินค้าโภคภัณฑ์และต้นทุนพลังงาน มีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่าจะอ่อนตัวลงบ้างจากปี 2565

การลดค่าใช้จ่ายลงทุนช่วยสนับสนุนการลดอัตราส่วนหนี้สิน - SCC มีการพิจารณาแผนการใช้จ่ายลงทุนใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพธุรกิจที่มีความท้าทายเป็นอย่างมากในปี 2565-2566 บริษัทฯ ประกาศลดแผนการใช้จ่ายลงทุนในปี 2565 ลงเหลือประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ฟิทช์คาดว่าค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของ SCC ในปี 2566 น่าจะคงอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันกับในปี 2565 โดยส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายลงทุนเพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการ LSP ให้แล้วเสร็จ และฟิทช์คาดว่าค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของ SCC น่าจะลดลงในปี 2567-2568 เนื่องจากบริษัทฯ ยังไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ที่กำหนดเอาไว้แน่นอนแล้ว

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
SCC มีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งกว่าบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC, 'A(tha)'/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งอยู่ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้างเช่นเดียวกัน โดย SCC มีส่วนแบ่งทางการตลาดของปูนซีเมนต์ในประเทศที่สูงกว่า มีขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่า รวมถึงมีการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์และการกระจายความเสี่ยงของกระแสเงินสดจากหลากหลายธุรกิจกว่า อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งทางสถานะทางธุรกิจที่สูงกว่า ได้ถูกลดทอนจากอัตราส่วนหนี้สินของ SCC ที่สูงกว่า SCCC ทำให้ SCC มีอันดับเครดิตที่สูงกว่า SCCC เพียงหนึ่งอันดับ

เมื่อเปรียบเทียบกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC, อันดับเครดิต 'AA(tha)' แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ, สถานะเครดิตโดยลำพัง 'a+(tha)') ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมันครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย SCC มีขนาดธุรกิจปิโตรเคมีที่เล็กกว่า แต่มีการกระจายความเสี่ยงในธุรกิจอื่นที่หลากหลายกว่า ซึ่งทำให้ SCC มีความเสี่ยงต่อความผันผวนของธุรกิจปิโตรเคมีที่น้อยกว่า อัตราส่วนหนี้สินของ PTTGC ปัจจุบันอยู่ในระดับเดียวกันกับของ SCC จึงทำให้อันดับเครดิตของ SCC อยู่ในระดับเดียวกันกับสถานะเครดิตโดยลำพังของ PTTGC อย่างไรก็ตาม ทั้ง SCC และ PTTGC มีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจากแผนการใช้จ่ายลงทุนที่สูง แนวโน้มเครดิตเป็นลบของ SCC สะท้อนถึงความเสี่ยงที่มีต่อความสามารถในการลดอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ

SCC มีอันดับเครดิตสูงกว่าสถานะเครดิตโดยลำพังของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP, อันดับเครดิต 'A+(tha)' แนวโน้มเครดิตเป็นลบ, สถานะเครดิตโดยลำพัง 'a-(tha)') ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันที่มีกระบวนการกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์และเป็นรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อยู่สองอันดับ ซึ่งสะท้อนถึงสถานะทางธุริจและสถานะทางการเงินของ SCC ที่ดีกว่า โดย SCC มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งกว่า มีการกระจายความเสี่ยงของกระแสเงินสดจากหลากหลายธุรกิจกว่า และมีอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำกว่า ทั้งสองบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจากแผนการใช้จ่ายลงทุนที่สูง แนวโน้มเครดิตเป็นลบสะท้อนถึงความเสี่ยงที่มีต่อความสามารถในการลดอัตราส่วนหนี้สินของบริษัท

สมมุติฐานที่สำคัญ
สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ

  • รายได้รวมเติบโตในอัตราประมาณร้อยละ 17 ในปี 2566 (ปี 2565 มีอัตราการเติบโตร้อยละ 7.5) ส่วนใหญ่เป็นผลจากการขยายกำลังการผลิตในธุรกิจเคมิคอลส์
  • อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้ (EBITDA Margin) ยังคงอ่อนแออยู่ที่ระดับร้อยละ 8 ในปี 2566 (ปี 2565 อยู่ที่ร้อยละ 7.2) จากประมาณการส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่น่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ
  • ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน ประมาณ 5.1 หมื่นล้านบาทในปี 2566 และประมาณ 3 หมื่นล้านบาบในปี 2567
  • อัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิ (Dividend Payout) ที่ระดับร้อยละ 50 ในปี 2566-2567

ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก:

  • แนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับกลับมาเป็นมีเสถียรภาพได้ หากบริษัทฯ สามารถลด EBITDA net leverage ลงมาอยู่ในระดับประมาณ 3.5 เท่า ได้ภายในปี 2567 และลดลงต่อเนื่องหลักจากนั้น
    ปัจจัยลบ:
  • บริษัทฯ ไม่สามารถทำตามปัจจัยบวกข้างต้นได้

สภาพคล่อง
สภาพคล่องอยู่ในเกณฑ์ที่ดี: SCC มีหนี้สินที่ครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้านับถึงสิ้นเดือนกันยายน 2566 จำนวน 7.4 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะสั้นสำหรับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท เงินกู้ระยะยาวที่ครบกำหนดชำระประมาณ 4.6 พันล้านบาท และหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท สภาพคล่องของ SCC ได้รับการสนับสนุนจากเงินสดและเงินลงทุนที่มีสภาพคล่องเทียบเท่าเงินสด (ตามการปรับปรุงตัวเลขโดยฟิทช์) จำนวนประมาณ 6.7 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 กระแสเงินสดจากการดำเนินงานประมาณ 4.0-5.0 หมื่นล้านบาทต่อปี และความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ผ่านตลาดตราสารหนี้ในประเทศ รวมถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงิน

ฟิทช์คาดว่าสภาพคล่องของ SCC ในช่วงปี 2566 ยังต้องพึ่งพิงแหล่งเงินทุนจากภายนอก เนื่องจากแผนค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่สูง อย่างไรก็ตาม SCC ได้รับการสนับสนุนวงเงินกู้จากสถาบันการเงินสำหรับโครงการลงทุนหลักแล้ว โดย SCC มีวงเงินสินเชื่อระยะยาวจากสถาบันการเงินที่คงเหลือใช้ได้ จำนวนประมาณ 4.0 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 สำหรับโครงการ LSP

เกี่ยวกับบริษัท
SCC เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มี EBITDA อยู่ที่ระดับ 7.5 หมื่นล้านบาทในปี 2564 SCC มีการกระจายความเสี่ยงในสามธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจเคมิคอลส์ และธุรกิจแพคเกจจิ้ง โดย SCC มีกำลังการผลิตและส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและในหลายประเทศในอาเซียน

ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้ที่ www.fitchratings.com

ที่มา: ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๓:๒๔ แจกจริง! แบรนด์ซุปไก่สกัดส่งมอบรถเทสล่า มูลค่า 1.649 ล้านบาท ให้ผู้โชคดี ในแคมเปญ ดื่มแบรนด์ สแกนเลขในขวด ปี
๑๓:๕๐ GFC ตอบโจทย์ทุกความปลอดภัยเรื่องอาคาร - ถังแช่แข็งตัวอ่อน เปิดให้บริการสำหรับผู้มีบุตรยากตามปกติครบ 3
๑๓:๕๗ KJL ลุยภาคใต้! จัดใหญ่สัมมนา 'รวมพลคนไฟฟ้า ON TOUR' ที่ภูเก็ต
๑๒:๐๐ แว่นท็อปเจริญ จับมือ กรมกำลังพลทหารบก แนะแนวการศึกษาและอาชีพ สร้างโอกาสแก่ทหารกองประจำการและครอบครัว
๐๒ เม.ย. AnyMind Group คว้ารางวัล Gold ในงาน Martech Innovation Awards 2025
๐๒ เม.ย. โชว์พลังดีไซน์ไทยในงาน STYLE Bangkok 2025 รวมแบรนด์ดาวรุ่งจาก Talent Thai และ Designers' Room ที่คุณไม่ควรพลาด
๐๒ เม.ย. ธนาคารกสิกรไทย จัดสัมมนาใหญ่ K WEALTH Forum: เจาะลึก 5 ปัจจัยเปลี่ยนเกมการลงทุนโลก
๐๒ เม.ย. PSP ปิดดีลทุ่ม 409.5 ลบ. ถือหุ้นใน รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง (RE) ปักหมุดธุรกิจสู่ศูนย์กลางรีไซเคิลสารเคมีแห่งภูมิภาค
๐๒ เม.ย. กลุ่มซีไอเอ็มบี เปิดรับสมัครสอบชิงทุน CIMB ASEAN Scholarship 2025 ทุนเรียนต่อปริญญาตรี - ปริญญาโท พร้อมโอกาสร่วมงานกับกลุ่มซีไอเอ็มบี
๐๒ เม.ย. ศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี เค เปิดพิกัดจุดสรงน้ำพระ เสริมสิริมงคลกับเทศกาล สงกรานต์อิ่มบุญ