นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ตัวเลขภาคการส่งออกไทยเดือนธันวาคมที่ผ่านมาหดตัว -14.6% เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ประกอบกับเศรษฐกิจโลกปีนี้มีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่อง ทำให้บล.ทิสโก้คาดว่าตลาด (Bloomberg Consensus) มีแนวโน้มปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยลง จากเดิมประเมินไว้ที่ +3.7% ขณะที่บล.ทิสโก้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3.3% โดยมีสมมติฐานการส่งออกไทยเป็นติดลบอยู่แล้วที่ -3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY)
ส่วนประมาณการกำไรของตลาดมีโอกาสปรับลงเช่นกัน หลังจากที่งบกลุ่มแบงก์โดยรวมต่ำกว่าคาดมาก และการประกาศผลประกอบการของหุ้นใน Real Sector ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนัก ส่วนใหญ่มีกำไรต่ำกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งตั้งแต่ต้นปีนี้ (YTD) บล.ทิสโก้เห็นสัญญาณตลาดปรับประมาณการกำไร (SET EPS) ปี 2566 - 2567 ลงมาแล้ว -1.9% และ -0.4% มาอยู่ที่ 99.6 บาท/หุ้น และ 116.2 บาท/หุ้น ตามลำดับ ซึ่งประมาณการกำไรของตลาดมีแนวโน้มถูกปรับลงนี้ จะเป็นตัวจำกัดโอกาสปรับขึ้น (Upside) ของตลาดหุ้นในระยะถัดไป
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยเดือน กุมภาพันธ์มักให้ผลตอบแทนเป็นบวก และหุ้นปันผลมักจะมีโอกาสปรับขึ้นมากกว่าตลาด จากการศึกษาข้อมูลความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา บล.ทิสโก้พบว่า ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) เดือนกุมภาพันธ์มักปรับตัวขึ้นโดยมีระดับความเชื่อมั่นสูงถึง 85% และให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยที่ +1.3% นอกจากนี้ บล.ทิสโก้ยังพบอีกด้วยว่า หุ้นที่ปันผลดีมักปรับตัวขึ้นดีกว่าตลาดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี อิงจากสถิติย้อนหลัง 8 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนรวมของ SETHD Index ในเดือนกุมภาพันธ์จะดีกว่าผลตอบแทนรวมของ SET Index เฉลี่ย +1.7% โดยมีระดับความเชื่อมั่นสูงถึงเกือบ 90%
สำหรับโอกาสเกิดการยุบสภาและการเลือกตั้งงวดเข้ามาทุกขณะ บล.ทิสโก้คาดว่านายกฯ ประยุทธ์จะตัดสินใจยุบสภาภายในปลายเดือนมีนาคมหรือก่อนที่ ส.ส.จะอยู่ครบวาระ 4 ปีในวันที่ 23 มีนาคมและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 - 60 วัน ดังนั้น จะเหลือเวลาก่อนการเลือกตั้งอีกประมาณ 3 เดือนเศษ อิงจากการศึกษาความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 3 เดือน, 2 เดือน และ 1 เดือน มักจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย +5.6%, +2.5% และ +2.3% ตามลำดับ และมีระดับความเชื่อมั่นโดยเฉลี่ยที่สูงประมาณ 70% % เพราะฉะนั้น แนวโน้มการเลือกตั้งยังเป็นปัจจัยบวกเฉพาะตัวที่สำคัญที่ทำให้เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้านี้ โดยมีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์กรณีฐานที่ 1,700-1,720 จุด และกรณีดีที่ 1,750-1,780 จุด
"ยังไม่มองว่า SET Index จะสามารถขึ้นทะลุระดับ 1,800 จุดได้ในปีนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกเสี่ยงถดถอยและการตรึงนโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไปของธนาคารกลางสำคัญต่าง ๆ ของโลก ซึ่งยังไม่รวมถึงประมาณการ GDP และกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีโอกาสถูกปรับลงตามที่กล่าวไว้ในตอนต้นแล้ว" นายอภิชาติกล่าว
บล.ทิสโก้ มองการเลือกตั้งจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของตลาดหุ้นไทยในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า แต่ด้วย Upside ตลาดที่เริ่มจำกัด การเลือกหุ้นต่อจากนี้จะต้องรอบคอบมากขึ้น บล.ทิสโก้มองหุ้นที่คาดงบจะออกมาดี, หุ้นปันผลเด่น และหุ้นที่คาดมีปัจจัยบวกเฉพาะยังเป็นหุ้นที่น่าเก็งกำไรหลักในเดือนกุมภาพันธ์ แนะนำ AP, BBL, CKP, GLOBAL, MAJOR, MAKRO, PRM และ TIPH ด้านแนวรับสำคัญของตลาดหุ้นไทยเดือนนี้อยู่ที่ 1,660-1,670 จุดและแนวรับถัดไปที่ 1,640 จุด และแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,700 จุด 1,720 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 1,740-1,750 จุด ตามลำดับ
ที่มา: ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป