3 โบรกเกอร์ ชี้เป้าหุ้นป้ายแดง สิวารมณ์ ("SVR") ราคา 3 - 3.10 บาท

จันทร์ ๐๖ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๓ ๑๐:๑๗
3 โบรกเกอร์ (บล. โกลเบล็ก - บล.พาย - บล.ฟินันเซีย ไซรัส ) ประสานเสียง ประเมินราคาเป้าหมายหุ้นป้ายแดง สิวารมณ์ เรียลเอสเตท ("SVR") ในช่วงระดับราคา 3 - 3.10 บาทต่อหุ้น ชี้ความต้องการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลฟื้นตัว จากกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ตามภาพรวมเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น พร้อม ระบุจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลพฤติกรรมการเลือกที่อยู่อาศัยเปลี่ยน ส่งผล SVR ได้รับผลบวกความต้องการบ้านแนวราบที่ขยายตัวตามเทรนด์อุตสาหกรรม

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินทิศทางการเติบโตทางธุรกิจ ของบริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ "SVR" ที่ระดับราคา 3.07 บาทต่อหุ้น โดยใช้ Prospective PER ที่ระดับ 9 เท่า ซึ่งต่ำกว่า PER เฉลี่ยของหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ระดับ 18 เท่า โดยคาดกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2566 ที่ประมาณ 0.341 บาทต่อหุ้น คำนวณเป็นราคาเหมาะสม ซึ่งเชื่อว่าความต้องการที่อยู่อาศัยในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ความต้องการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีแนวโน้มฟื้นตัวจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น จากกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อในตลาดระดับกลางถึงบน และการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ โดยมีปัจจัยกระตุ้นจากพฤติกรรมการเลือกที่อยู่อาศัยอาจเปลี่ยนไปหลังการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยในแนวราบมากกว่าคอนโดมิเนียม

ฝ่ายวิเคราะห์ ได้คาดรายได้จากการขายปี 2565 ที่ 699 ล้านบาท เติบโต 26% และในปี 2566 จะมีรายได้จากการขายที่ 1,245 ล้านบาท เติบโต 78% พร้อมคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับดีขึ้นสู่ 34.6% ในปี 2565-2566 ปรับดีขึ้น จากระดับ 30.8% ในปี 2564 ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิในปี 2565 อยู่ที่ 59 ล้านบาท และในปี 2566 จะมีกำไรสุทธิที่ 175 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ระหว่างปี 2563-2566 เท่ากับ 42% ต่อปี โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 8.4% ในปี 2565 และ 14.1% ในปี 2566

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ "SVR" ที่ระดับราคา 3.10 บาทต่อหุ้น ด้วยวิธี P/E multiple โดยใช้กำไรต่อหุ้นปี 2566 ที่ 0.36 บาท เพื่อสะท้อนรายได้จากการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น จากโครงการที่มีอยู่เดิมและการเปิดโครงการใหม่ในอนาคต และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น จากการเปิดโครงการแนวราบใหม่ที่มีราคาสูงขึ้น โดยกำหนดเป้าหมาย P/E ปี 2566 ที่ระดับ 8.5 เท่า ซึ่งเทียบเคียงค่าเฉลี่ยการซื้อขายของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ สำหรับ "SVR" เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบ ในจังหวัดสมุทรปราการ บริเวณพื้นที่บางปู และเทพารักษ์ ทำเลที่มีการขยายตัวของนิคมอุดสาหกรรม เช่น นิคมบางปู และนิคมพัฒนา-จังหวัดระยอง และพื้นที่อื่น ๆ ที่มีศักยภาพในการพัฒนาเพื่อกระจายความเสี่ยงในทำเลที่แตกต่างกัน ได้แก่ อำเภอ ศรีราชา-จังหวัดชลบุรี และ อำเภอไทรน้อย-จังหวัดนนทบุรี โดยปัจจุบัน"SVR" มีจำนวนโครงการทั้งหมด 9 โดยเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ SVR จะนำไปพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามแผนธุรกิจและแผนการตลาด ที่วางไว้เพื่อให้ครอบคลุมเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล

ฝ่ายวิเคราะห์ ได้คาดการณ์กำไรสุทธิของ "SVR" เติบโตเฉลี่ยปีละ 68% ในปี 2565 -2567 โดยคาดกำไรสุทธิ ในปี 2565 ที่ 69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% เป็นผลจากรายได้ที่เติบโต 39% อยู่ที่ 778 ล้านบาท และคาดว่าผลประกอบการจะเติบโต 167% มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 185 ล้านบาท ในปี 2566 และเติบโต 31% อยู่ที่ 243 ล้านบาท ในปี 2567 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะเติบโตอยู่ที่ 31.2% ในปี 2565, ขณะที่ในปี 2566 จะอยู่ที่ 34.0% และในปี 2567 จะอยู่ที่ 34.5% จากปี2564 ที่ 30.4% จากการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้น ตามการเปิดโครงการใหม่ที่มีราคาขายสูงขึ้น

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ "SVR" ที่ระดับราคา 3 บาทต่อหุ้น ด้วยวิธี Relative PE ที่ 8.0 เท่า ใกล้เคียงกับ Forward PE2023 ของบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 12 รายหลัก ทั้งนี้ "SVR" เป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์แนวราบน้องใหม่ ที่เน้นจุดขายภายใต้แนวคิด Best Smart Living โดย"SVR"มีจุดแข็งทั้งแบบบ้าน ทำเลที่มีศักยภาพการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ในราคาขายที่คุ้มค่า นอกจากนี้ ได้ประเมินว่า"SVR"มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด โดยปี2566 มีกำไรสุทธิ 186 ล้านบาท เติบโต 241% และในปี 2567 กำไรสุทธิ 189 ล้านบาท เติบโต 2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทั้งนี้เป็นผลมาจากการได้รับแรงหนุนจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่เร่งขึ้น บนสมมติฐานที่บริษัทจะมีแผนเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการต่อปี รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้น ที่คาดขยับขึ้นจาก Project Mixed โครงการใหม่ ที่เป็น Segment บน และ SG&A ต่อรายได้จะลดลงจาก Economy of scale ด้วย ขณะที่กำไรสุทธิปี 2565 ประเมินไว้ที่ 54 ล้านบาท เติบโต 6% จากปีก่อน

ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ