JLL คาดตลาดการซื้อขายโรงแรมในไทยปีนี้มีมูลค่าแตะ 12,000 ล้านบาท

จันทร์ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๓ ๑๔:๕๗
ข้อมูลงานวิจัยจากบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล เปิดเผยว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา มีการซื้อขายโรงแรมที่มีคุณภาพเหมาะสำหรับการลงทุนเกิดขึ้นในประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 14 รายการ ด้วยมูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 ที่มีมูลค่าการซื้อขายรวม 12,300 ล้านบาท เนื่องจากมีการซื้อขายบางรายการที่ดำเนินธุรกรรมเสร็จไม่ทันก่อนสิ้นปี ส่วนในปี 2566 นี้ เจแอลแอลคาดว่า การลงทุนซื้อขายจะมีมูลค่าปรับเพิ่มขึ้นเป็น 12,000 ล้านบาท จากการที่นักลงทุนยังคงให้ความสนใจต่อเนื่องในขณะที่มีโรงแรมคุณภาพเหมาะสมเสนอขายในตลาด

นายจักรกริช จักรพันธุ์ ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการภาคพื้นเอเชีย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม เจแอลแอล กล่าวว่า "ในปี 2565 ที่ผ่านมา ตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยเกือบทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์โควิด แต่เนื่องจากมีการซื้อขายบางรายการที่ดำเนินธุรกรรมเสร็จไม่ทันก่อนสิ้นปีถึงแม้จะทำสัญญาซื้อขายแล้ว โดยรายการซื้อขายเหล่านี้ มีมูลค่ารวมประมาณ 4,000 ล้านบาท และจะดำเนินธุรกรรมเสร็จในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้"

"แม้ปี 2565 มูลค่าการลงทุนซื้อขายโรงแรมจะปรับลดลง 10.6% จากปี 2564 แต่ยังคงนับได้ว่าเป็นอีกปีหนึ่งที่มีมูลค่าการซื้อขายสูง เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งเป็นปีแรกที่ภาคการท่องเที่ยวของไทยเริ่มได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤติการณ์โควิด โดยในปีนั้นมีการซื้อขายโรงแรมรวมมูลค่าเพียง 1,900 ล้านบาท" นายจักรกริชกล่าว

รายงานของเจแอลแอลระบุว่า โรงแรมที่มีการซื้อขายในปี 2565 เป็นโรงแรมในกรุงเทพฯ ภูเก็ต เกาะสมุย เกาะพะงัน กระบี่ หัวหิน และเชียงใหม่ โดยกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเกาะสมุยยังคงเป็นทำเลยังคงเป็นทำเลยอดนิยมของนักลงทุน มีมูลค่ารวมกันคิดเป็นเกือบ 70% ของมูลค่าการซื้อขายที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา

กรุงเทพฯ เป็นตลาดการซื้อขายที่มีมูลค่าสูงสุด คิดเป็นเกือบ 40% ของมูลค่าทั้งหมด โดยมีการซื้อขายสองรายการสำคัญ ได้แก่ Oakwood Studios Sukhumvit Bangkok ขายให้กับ Worldwide Hotels Pte Ltd (WWH) จากสิงคโปร์ และ Grand Mercure Bangkok Windsor ขายให้กับ แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย โดยเจแอลแอลเป็นตัวแทนผู้ขายสำหรับทั้งสองรายการนี้

นายจักรกริชกล่าวว่า "สำหรับโรงแรมที่มีการซื้อขายในปี 2565 ผู้ขายทั้งหมดเป็นบริษัทหรือธุรกิจครอบครัวชาวไทย ใกล้เคียงกับในฝั่งของผู้ซื้อ ที่พบว่า 80% เป็นการซื้อโดยนักลงทุนไทย ซึ่งต่างจากปี 2564 ที่ราว 60% ของมูลค่าการซื้อขาย เป็นการซื้อโดยนักลงทุนต่างชาติ"

เจแอลแอลระบุว่า AWC เป็นบริษัทที่ซื้อโรงแรมมากที่สุดในปีที่ผ่าน ทั้งนี้ นอกเหนือจาก Grand Mercure Bangkok Windsor แล้ว บริษัทยังได้เข้าซื้อ Westin Siray Bay ที่ภูเก็ต มูลค่าราว 2,500 ล้านบาท และ dusitD2 Chiang Mai ซึ่งได้ทำการตกลงซื้อขายในปี 2564 แต่ธุรกรรมการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ในปี 2565

"คาดว่า ปี 2566 จะเป็นอีกปีหนึ่งที่คึกคักสำหรับตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมของไทย จากการที่นักลงทุนมีการแสดงความสนใจอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการมีรายการเจรจาซื้อขายหลายรายการเกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้เชื่อได้ว่า มูลค่าการลงทุนซื้อขายในปีนี้จะขยับขึ้นไปถึงที่ระดับ 12,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยรายปีของมูลค่าการซื้อขายในช่วง 10 ปีระหว่างปี 2553-2562 ก่อนเกิดวิกฤติการณ์โควิด" นายจักรกริชกล่าว

สอดคล้องกับความเห็นของนายจักรกริช นายรัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบริการที่ปรึกษาและบริหารสินทรัพย์ หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม เจแอลแอล กล่าวว่า "มีปัจจัยต่างๆ ที่จะเอื้อให้มีการซื้อขายโรงแรมมากขึ้นในปีนี้ ได้แก่ การที่เจ้าของโรงแรมหลายรายได้พยายามรักษาโรงแรมของตนไว้ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าของเหล่านี้บางรายกำลังพบกับความท้าทายมากขึ้น จากการที่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ เริ่มลดนโยบายการประนอมหนี้ ประกอบกับภาวะที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากจีนกลับมาเปิดประเทศ ทำให้เจ้าของโรงแรมเหล่านี้ มีความมั่นใจมากขึ้นว่า ตนเองเริ่มอยู่ในสถานะที่ดีขึ้นในการเจรจาการขายกับนักลงทุนที่สนใจจะซื้อ"

"ในด้านนักลงทุน เราพบว่า ยังมีทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติที่ให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องในการเข้าซื้อโรงแรมที่มีคุณภาพเหมาะสำหรับการลงทุนในประเทศไทย โดยผลสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ที่เจแอลแอลจัดทำขึ้น แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นตลาดโรงแรมที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในเอเชียแปซิฟิก รองจากญี่ปุ่น และออสเตรเลีย+นิวซีแลนด์" นายรัฐวัฒน์กล่าว

เกี่ยวกับ JLL

JLL จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกธุรกิจบริการและบริหารการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ดำเนินธุรกิจในกว่า 80 ประเทศ สำหรับในประเทศไทย JLL เริ่มดำเนินธุรกิจในปี 2533 ปัจจุบันเป็นบริษัทระหว่างประเทศผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยพนักงาน 1,600 คน

ที่มา: เจแอลแอล

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔ พ.ย. LE โชว์ผลงาน Q3/67 กำไรทะยาน 312% รายได้อยู่ที่ 720 ลบ. ส่งซิก Q4 โตต่อเนื่อง ล่าสุดกอด Backlog แน่น 1,300
๑๔ พ.ย. แม็คโคร พัทยา ปรับโฉมใหม่ รองรับกำลังซื้อช่วงไฮซีซั่น พร้อมจัดแคมเปญขอบคุณลูกค้าส่งท้ายปี ส่งมอบความคุ้มค่าทั่วเมืองพัทยา
๑๔ พ.ย. ยันม่าร์ โชว์นวัตกรรมการเกษตร ในงานประชุมใหญ่ชาวไร่อ้อยสามัญประจำปี พร้อมฉลองครบรอบ 45 ปี สนับสนุนเงินดาวน์แทรกเตอร์ถึง 3
๑๔ พ.ย. CHAYO งบ Q3/67 สุดปังทั้งรายได้และกำไร งวด 9 เดือนรายได้พุ่ง 38.85% มั่นใจรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 20%
๑๔ พ.ย. TNP เข้ารับเกียรติบัตร CAC ในฐานะบริษัทฯ ที่ได้รับการต่ออายุรับรองครั้งที่ 2 มุ่งมั่นเป็นองค์กรที่ร่วมต่อต้านคอร์รัปชันในภาคเอกชนไทย
๑๔ พ.ย. คริสตัล โฮม ร่วมกับ AXOR จัดเวิร์กชอป The Power of Colors เผยเคล็ดลับดีไซน์ห้องน้ำหรูด้วยสีสันที่โดดเด่น
๑๔ พ.ย. ทีเอ็มบีธนชาต ชวนซื้อสลากกาชาดทีทีบี ได้บุญ พร้อมลุ้นโชค 716 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ การให้ บำรุงสภากาชาดไทย
๑๔ พ.ย. PRTR ประกาศงบ Q3/67 กำไรนิวไฮอีกครั้ง โตกว่า 14% ธุรกิจ Outsource ดาวเด่น คาด Q4/67 ดีมานด์พุ่ง
๑๔ พ.ย. PLUS ส่ง Coco Royal ลุยช่องทางการขายชั้นนำในจีน ดันยอดขายพุ่ง รับออเดอร์ลูกค้ารายใหญ่ พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังการผลิต
๑๔ พ.ย. PRAPAT ฟอร์มแกร่ง! กวาดกำไร Q3/67 โต 77% แตะ 17.49 ล้านบาท รับปัจจัยหนุนจากรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านครัว