นางสาวสรญา เสฐียรโกเศศ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือบริษัทฯ เปิดเผยว่า "ปีนี้ถือเป็นปีที่สองที่เราสามารถกลับมาทำกำไรได้หลังจากเจอวิกฤติโควิด-19 ซึ่งถือเป็นผลทั้งจากความพยายามของบริษัทฯ ในการทยอยขายโรงแรมและที่ดินต่าง ๆ รวมเป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา และการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตอย่างก้าวกระโดด จากความก้าวหน้าที่เกิดขึ้น บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นดำเนินการตามเป้าหมายการขายสินทรัพย์ด้านอสังหาริมทรัพย์ไปพร้อม ๆ กับการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจบริการทางการเงินตามแผนกลยุทธ์ของเรา เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาวให้กับบริษัทฯ ต่อไป"
แรบบิท โฮลดิ้งส์ ถือเป็นหัวหอกของกลุ่มบริษัทบีทีเอสในธุรกิจบริการทางการเงินและการลงทุน ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงทุนไปแล้ว ทั้งในธุรกิจประกันชีวิต (แรบบิท ไลฟ์) และการลงทุนอื่น ๆ โดยยังคงตั้งเป้าขยายการลงทุนในธุรกิจบริการทางการเงินอื่น ๆ อาทิ ธุรกิจสินเชื่อรายย่อย (Nano Finance) และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company: AMC) พร้อมทั้งการสร้าง Synergy ร่วมกับบริษัทต่าง ๆ ทั้งภายในกลุ่มบริษัทบีทีเอส และเครือข่ายพันธมิตรภายใต้กลยุทธ์ 3M (MOVE MIX and MATCH) ของกลุ่มบริษัทบีทีเอส
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้น RABBIT-P หรือหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทฯ นอกจากจะได้รับสิทธิในเงินปันผลสะสม จำนวน 1.10 บาท ต่อหุ้น ยังมีสิทธิโหวตเท่ากับผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทฯ (RABBIT) และยังสามารถใช้สิทธิแปลงเป็นหุ้น RABBIT ได้ด้วยสัดส่วน 1:1 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการแปลง ทั้งนี้ กำหนดการใช้สิทธิแปลงหุ้นครั้งแรกมีขึ้น นเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดสิทธิที่บริษัทฯ ระบุไว้
ที่มา: บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์