นอกจากนี้ ITC ยังรายงานกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 5,349 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.4 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 25 เปอร์เซ็นต์
นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ในปีที่ผ่านมา ไอ-เทลทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก ด้วยตลาดและความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงที่เติบโตขึ้นทั่วโลก เรายังคงมุ่งมั่นขยายฐานลูกค้า บริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องของการผลิตและต้นทุน ตลอดจนกลยุทธ์ที่เน้นนวัตกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง ทำให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของเรามีคุณภาพและมีความพรีเมี่ยม"
ไอ-เทลเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายเติบโตอยู่ที่ระดับ 25 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่อัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในช่วงปี 2562 - 2565 อยู่ที่ 8.7 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นการเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมถึง 3 เท่า
"เรามีการขยายธุรกิจไปยังตลาดที่มีแนวโน้มที่ดีทั้งจีนและยุโรป โดยเรากำลังก่อตั้งบริษัท i-Tail Pet Food Shanghai เพื่อขยายตลาดในประเทศจีน เน้นกลยุทธ์อี-คอมเมิร์ซและการจับมือกับผู้เล่นรายใหญ่ในจีน ส่วนในยุโรปเรามีการก่อตั้งบริษัท i-Tail Europe ช่วงต้นกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อขยายธุรกิจในทวีป โดยเฉพาะตลาดในสหราชอาณาจักร เยอรมัน ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ โดยเน้นไปที่สินค้าที่มีความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ไปจนถึงปี 2568 เราตั้งงบลงทุนไว้อยู่ที่ระดับ 4.2 พันล้านบาท โดยมีแผนการขยายกำลังการผลิต การสร้างโรงงานใหม่ในจังหวัดสมุทรสาคร คลังสินค้าระบบอัตโนมัติที่จังหวัดสงขลา รวมไปถึงโครงการพัฒนาด้านนวัตกรรมต่าง ๆ ของบริษัท"
ITC มีธุรกิจกระจายตัวอยู่ทั่วโลก สำหรับยอดขายในปี 2565 ตลาดอเมริกามีส่วนแบ่งอยู่ที่ 55 เปอร์เซ็นต์ ยุโรป 16 เปอร์เซ็นต์ และเอเชียและโอเชียเนีย 29 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยอดขายยังแบ่งตามประเภทสินค้าออกเป็น อาหารแมว 73 เปอร์เซ็นต์ อาหารสุนัข 12 เปอร์เซ็นต์ และขนมทานเล่น 15 เปอร์เซ็นต์
ในปีที่ผ่าน ITC ยังได้ทำการชำระหนี้ระยะสั้นจำนวน 7,416 ล้านบาท หลังจากนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ส่งผลให้ ITC เป็นบริษัทที่มีเงินสดเหลือหลังหักภาระหนี้สิ้นแล้ว
หมายเหตุ : ข้อมูลทางการเงินตามงบการเงินเสมือน
ที่มา: ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น