กลุ่มที่ 1: งานบรอดคาสต์และโปรดักชันขนาดใหญ่ (Broadcast & Large-scale Production) หากพูดถึงกล้องถ่ายภาพยนตร์ (Cinema Camera) ระดับไฮเอนด์ของแคนนอนที่ทุกคนรู้จักดีคงหนีไม่พ้น EOS C500 Mark II ที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอด "Creative Camera" ซึ่งตอบโจทย์งานถ่ายภาพยนตร์และโฆษณาที่ต้องการคุณภาพของกล้องฟูลเฟรม 6K ระดับพรีเมียม เรียกว่าเป็นกล้องไฮเอนด์ที่ไม่เคยทำให้ช่างภาพระดับโลกผิดหวังเลย และอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงไม่แพ้กันคือ EOS C300 Mark III กล้อง Super 35mm ซึ่งนิยมใช้ในการถ่ายกีฬา ข่าว สารคดี หรือการทำคอนเทนต์ระดับองค์กร และด้วยความคล่องตัวในการใช้งาน ทำให้ C300 Mark III ถูกใช้เป็นกล้องตัวที่ 2 ในการถ่ายทำนอกสถานที่หรือแม้แต่ในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดหลายเรื่อง (ดูรายชื่อภาพยนตร์ที่ใช้กล้องแคนนอนในการถ่ายทำได้ที่เว็บไซต์ www.usa.canon.com/pro/captured-with-canon) และด้วยเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ของกล้องทั้ง 2 รุ่นนี้ จึงเป็นความโดดเด่นในการสร้างลูกเล่นที่เป็น "ซีนขาย" หรือ "ซีนไฮไลต์" แบบภาพยนต์เข้าไปในงานข่าวหรืองานถ่ายทอดสด เพื่อให้ผลงานดูแตกต่างและโดดเด่น และก้าวสู่งานระดับ Premium VDO ได้อย่างเต็มตัว
นอกจากนี้ลูกค้าแคนนอนสามารถ Custom กล้องของตัวเองให้ประยุกต์ใช้กับงานต่างๆ รวมถึงงานข่าว หรือใช้เป็นกล้อง ENG ได้อย่างรวดเร็ว โดยหนึ่งในไฮไลต์คือการเปลี่ยนเมาท์เลนส์ภาพนิ่ง EF ของแคนนอน มาใช้เมาท์ EF Cinema lock mount CM-V1 หรือใช้ PL mount kit PM-V1 เพื่อใช้กับเลนส์ PL ที่เป็น World-Standard lens โดยสามารถเปลี่ยนได้เองโดยไม่ต้องส่งกล้องมาที่ศูนย์ เรียกว่าซื้อเมาท์ไปเปลี่ยนหน้างานได้เลย ทำให้เราสามารถนำกล้องและเลนส์ภาพยนตร์ที่เพิ่มความสามารถ ServoZoom มาใช้เป็นกล้องสถานีโทรทัศน์ได้ รวมถึงยังมีอุปกรณ์ Servo Focus Demand และ Servo Zoom Demand มาช่วยในการซูมและปรับโฟกัสเลนส์ให้สะดวกและง่ายกว่าเดิม นอกจากนี้ แคนนอนยังคำนึงถึง Workflow ในการทำงานจริง จึงได้ออกอุปกรณ์ Expansion Unit3 EU-V3 เป็น Docking ด้านหลังสำหรับใส่ Return Input ซึ่งมีความสำคัญมากสำหรับช่างภาพสถานีโทรทัศน์หรือการถ่ายทอดสด
นอกจากนี้ แคนนอนยังนำเสนอโมดุลอุปกรณ์อีกมากมายที่จะช่วยให้ช่างภาพสามารถยกระดับงานถ่ายทอดสด การรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์ หรือการถ่ายทอดงานอีเวนต์ ให้มีความสวยงามและลูกเล่นที่น่าสนใจ โดยลูกค้าสามารถขยายสเกลงานได้อย่างไม่จำกัด สามารถจัด Setup อุปกรณ์เพื่อก้าวสู่ยุค HDR VDO Broadcasting ที่กำลังจะมาถึงได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
แคนนอนได้ยังนำเสนอเลนส์หลากหลายรุ่น ตั้งแต่เลนส์ UHD Series ที่ตอบโจทย์งานถ่ายทอดสดทั้งในรุ่น Broadcast Camera Box Lens และรุ่น Broadcast Camera Portable Lens ไปจนถึง Cinema Lens เลนส์เพื่อการถ่ายภาพยนตร์ โดยเมื่อปีที่ผ่านมายังได้เปิดตัวเลนส์ใหม่ในตระกูล Cine Servo รุ่น CN8x15 IAS และ Cine Zoom 8K รุ่น CN-E20-50mm T2.4 L และ CN-E45-135mm T2.4 L โดยทั้ง 3 รุ่นใหม่นี้มีให้เลือกใช้งานทั้งเมาท์ EF และ PL
กลุ่มที่ 2: งานถ่ายทอดโทรทัศน์และการสตรีมมิ่ง (ENG Camera & Streaming) แคนนอนนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องถ่ายภาพโทรทัศน์ (Electronic News Gathering: ENG Camera) ที่คุ้มค่าสูงสุดในทุกเซกเมนต์ นับตั้งแต่งานระดับ Full HD ไปจนถึง 4K เพื่อให้เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท นำทัพโดยกล้องรุ่นใหญ่อย่าง XF-605 ที่ตอบโจทย์การถ่ายรายการโทรทัศน์ กีฬา ไปจนถึงโฆษณาและละครได้อย่างครอบคลุม รองลงมาคือรุ่น XA-75 / XA-70 ที่เหมาะกับการรายงานข่าวหรือถ่ายทำสารคดี รวมถึงภาพยนตร์อินดี้ก็มักใช้กล่องรุ้นนี้กันอย่างแพร่หลาย และน้องเล็กแต่สเปกไม่ได้ด้อยไปกว่ารุ่นพี่เลยก็คือ XA-65/XA-60 ที่ใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ทั้งการถ่ายทอดประชาสัมพันธ์ข่าวสารองค์กร ไปจนถึงเก็บภาพอีเวนต์สำคัญอย่างงานแต่งงาน เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีอีโคซิสเต็มใหม่เพื่อการถ่ายทอดสดที่มีประสิทธิภาพ (New Ecosystem for Broadcasting) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคำถามที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของแคนนอนได้รับจากลูกค้ามากที่สุดคือ กล้องถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพของแคนนอนสามารถถ่ายทอดสดได้หรือไม่ คำตอบคือทำได้และทำได้มานานแล้วผ่านเซิร์ฟเวอร์ของสถานี แต่ในวันนี้แคนนอนเพิ่มความสะดวกสบายเพื่อให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล โดยพัฒนาแอปพลิเคชันสมาร์ตโฟน (ปัจจุบันใช้ได้เฉพาะ iOS) นั่นคือ Content Transfer Mobile (CTM) เพื่อใช้เชื่อมต่อกับกล้องและทำหน้าที่บันทึกไฟล์หรือส่งข้อมูลที่บันทึกจากกล้องไปยังเซิร์ฟเวอร์ของสถานีแบบไร้สายได้ทันทีจากที่ไหน ๆ ก็ได้บนโลกที่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต
ช่างภาพสามารถใช้ Content Transfer Mobile (CTM) ดาวน์โหลดคลิปข่าวที่ถ่ายทำจากกล้องมาไว้ใน iPhone (ในขั้นตอนนี้ยังสามารถใช้ฟีเจอร์การตัดต่อคลิปที่รองรับมาตรฐาน NewsML-G2 เพื่อให้ฟุตเทจบอกเล่าเรื่องราวได้ดีขึ้น) และอัพโหลดโดยตรงไปยัง FTP Server ของสถานีโทรทัศน์ผ่านสัญญาณ WiFi หรือ 4G/5G หรือเลือกอัพโหลดจากกล้องผ่านแอป CTM ไปยัง FTP Server ของสถานีได้ดดยตรงในขั้นตอนเดียว ด้วย Ecosystem นี้จะช่วยให้ Workflow การถ่ายทอดสดทั้งในและนอกสถานที่สามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย ทันต่อเหตุการณ์แบบเรียลไทม์ และมีประสิทธิภาพในการรายงานเหตุการณ์ที่รวดเร็วมากขึ้น
การติดตั้งระบบ Workflow ที่ง่ายดายและรวดเร็วจะช่วยให้งานถ่ายทอดสดและการรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะในยุคนี้ใครรายงานเหตุการณ์ได้อย่างครบถ้วนก่อนก็จะเป็นผู้ชนะ และนำมาซึ่งยอดการติดตามที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ แคนนอนยังเอาใจผู้ใช้ระดับ Entry-level ด้วยกล้องราคาประหยัดรุ่น HF G70 ที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียง XA-60 แต่เน้นความคล่องตัวและติดตั้งมาเฉพาะฟีเจอร์หลักในการถ่ายทำอย่างเพียงพอ
กลุ่มที่ 3 : การใช้อุปกรณ์กลุ่มภาพยนตร์แบบผสมผสานเพื่อการถ่ายวิดีโอ HDR คุณภาพสูงระดับพรีเมียม(Cinema Accessories Integration for Premium HDR VDO Broadcasting) ในฐานะแบรนด์ผู้นำเสนออุปกรณ์บรอดคาสต์มานานกว่า 20 ปี วันนี้ แคนนอนได้ผสานความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ Cinema Line เข้ากับอุปกรณ์ Broadcast Line ในรูปแบบโมดุลกล้องที่สามารถถอดประกอบและใช้งานร่วมกันได้อย่างง่ายดาย
สำหรับช่างภาพที่ต้องการผลงานคุณภาพสูงแต่เน้นความคล่องตัว ก็จะนิยม EOS C70 ซึ่งเป็นกล้องซีเนม่าที่มาพร้อมสโลแกน "A New Line for the CINEMA EOS System" เพราะเป็นวิดีโอคุณภาพสูงระดับ 4K ที่เพียงพอต่อการถ่ายคอนเทนต์ทุกแนว ทั้งสารคดี ข่าว กีฬา ไปจนถึงงานระดับองค์กร และยังเป็นกล้องซีเนม่าราคาย่อมเยาว์ที่ได้รับการรับรองจาก Netflix ให้ใช้ถ่ายทำคอนเทนต์สำหรับ Netflix อีกด้วย และในปีที่ผ่านมา แคนนอนยังได้เปิดตัวน้องใหม่อย่าง EOS R5 C กล้องไฮบริดอเนกประสงค์ที่ควบทั้งภาพนิ่งละเอียด 45 ล้านพิกเซล และวิดีโอความละเอียดสูงระดับ 8K เรียกได้ว่าครบจบในตัวเดียว เหมาะกับช่างภาพอิสระที่ต้องการสร้างสรรค์คอนเทนต์ ทั้งเพื่อการทำงานและนำไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
คุณทราบหรือไม่ว่า กล้องเกือบทุกรุ่นในตระกูล EOS ปัจจุบันของแคนนอนยังได้รับการรับรองจากเน็ตฟลิกซ์ (Netflix approved) ให้เป็นกล้องที่ใช้ถ่ายทำคอนเทนต์สำหรับวิดีโอสตรีมมิ่งของแพลตฟอร์มนี้อย่างเป็นทางการ!
และเพื่อตอบโจทย์การทำงานระดับ HDR และ 4K แคนนอนยังมีไลน์ผลิตภัณฑ์จอมอนิเตอร์แสดงผลอ้างอิง (Reference Display) ขนาดตั้งแต่ 18-31 นิ้ว โดยรุ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ DP-V3120 ด้วยขนาดจอ 31 นิ้วหร้อมความสว่าง 2,000 cd/m2 รองรับการเชื่อมต่อแบบ 12-G SDI (4 inputs, 4 outputs) และรุ่นเล็กอย่าง DP-V1830 กับหน้าจอ 4K ขนาด 18 นิ้ว สำหรับห้องตัดต่อขนาดเล็ก เมื่อเร็ว ๆ นี้ แคนนอนยังได้ออกจอมอนิเตอร์รุ่นใหม่ DP-V2730 ที่มาพร้อมจอ 4K ขนาด 27 นิ้ว มอบความสว่างสูงสุด 1000cd/m2 รองรับงานวิดีโอ HDR เพื่อการตรวจสอบคอนทราสต์ สีสัน ความสว่างและมุมมองภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แคนนอนยังคงมุ่งมั่นพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์ โซลูชั่นและ Ecosystem ชั้นเลิศเพื่อตอบโจทย์การผลิตวิดีโอทุกระดับ นับตั้งแต่โปรดักชันเฮาส์ขนาดใหญ่หรือสถานีโทรทัศน์ที่ต้องการคุณภาพเทียบเท่าระดับสากล โดยเฉพาะเทรนด์บรอดคาสต์ที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุค Premium HDR VDO ซึ่งทุกคนเริ่มแข่งขันในเรื่องคุณภาพของภาพและเสียงที่มีความใกล้เคียงกับงานระดับภาพยนตร์มากขึ้น ซึ่งแคนนอนนำเสนอผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์เสริม และแอปพลิเคชันที่สนับสนุนให้ช่างภาพระดับมืออาชีพสามารถผสมผสานคุณภาพงานระดับภาพยนตร์เข้ากับงานบรอดคาสต์และสตรีมมิ่งได้อย่างราบรื่น สะดวกสบายและไร้รอยต่อ หรือแม้แต่ผู้ใช้งานสมัครเล่นที่ต้องการเริ่มสร้างคอนเทนต์คุณภาพอย่างง่าย ๆ และใช้อุปกรณ์ที่ไม่ซับซ้อน ก็สามารถเลือกใช้กล้องมิเรอร์เลสหรือกล้องดิจิทัลคอมแพ็กของแคนนอนได้ตามงบประมาณและคุณภาพงานที่ต้องการได้ การนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายและมีความยืดหยุ่นในการใช้งานคือสิ่งที่แคนนอนให้ความสำคัญอย่างมาก เพื่อให้เราสามารถตอบโจทย์การทำงานของช่างภาพทุกระดับในวันนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ที่มา: วิวาลดี้ อินทิเกรเต็ด พับลิค รีเลชั่นส์