ทีเอ็มบีธนชาต เตรียมขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 2 ตอกย้ำความแข็งแกร่งทางการเงินจากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นในทุกด้าน

พุธ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๓ ๑๐:๕๓
ทีเอ็มบีธนชาต เตรียมขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 2 ตอกย้ำความแข็งแกร่งทางการเงินจากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นในทุกด้าน รวมทั้งปี 2565 จ่ายปันผลที่ 0.073 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 92%

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารมีมติให้ขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 2 จากผลการดำเนินงานปี 2565 ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นในวันที่ 5 เมษายน 2566 นี้ ในอัตรา 0.053 บาทต่อหุ้น จากผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2565 โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 12 เมษายน 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในวันที่ 3 พฤษภาคม 2566

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยว่า การจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นหลังการรวมกิจการ รวมไปถึงความตั้งใจของธนาคารในการส่งมอบผลตอบแทนกลับคืนสู่ผู้ถือหุ้นได้เป็นอย่างดี

โดยก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน 2565 ธนาคารได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา 0.02 บาทต่อหุ้น และเตรียมขออนุมัติการจ่ายครั้งที่ 2 อีก 0.053 บาท รวมเป็นอัตราเงินปันผล 0.073 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้น 7.1 พันล้านบาทในปี 2565 เพิ่มขึ้น 92% จากปี 2564 ซึ่งสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของกลุ่มธนาคาร โดยการจ่ายเงินปันผลในปี 2565 นี้ คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 50% ของกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นจากอัตรา 35% ในปีก่อนหน้า และเทียบเท่ากับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล หรือ Dividend Yield ที่ประมาณ 5.2% ต่อปี ณ ระดับราคาหุ้น TTB ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ในปี 2565 ที่ผ่านมา หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ผ่อนคลายนโยบายจ่ายเงินปันผลของกลุ่มธนาคาร ทีเอ็มบีธนชาตได้ทำเรื่องขออนุมัติจากคณะกรรมการธนาคารเพื่อปรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลเพิ่มเป็น 2 ครั้งต่อปี จากเดิม 1 ครั้งต่อปี เพราะเล็งเห็นว่าธนาคารมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นจากการรับรู้ประโยชน์การรวมกิจการได้ตามแผน อีกทั้งยังดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมาย ทำให้สามารถรับมือกับภาวะทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี และมีผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นทั้งด้านกำไร ประสิทธิภาพด้านต้นทุน และคุณภาพสินทรัพย์ รวมทั้งฐานะเงินกองทุนที่อยู่ในระดับสูง จึงเป็นที่มาของการปรับนโยบายและจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น

นอกจากนั้นในปี 2565 ธนาคารยังได้ดำเนินการออกวอร์แรนท์ TTB-W1 ให้กับผู้ถือหุ้นโดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งมีผลดีต่อผู้ถือหุ้นเพราะให้สิทธิผู้ถือหุ้นทั้งในแง่ของการใช้สิทธิซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด และในแง่ของการได้ประโยชน์ด้านสภาพคล่องจากการนำวอร์แรนท์ไปซื้อขายในตลาดรอง

การดำเนินการเหล่านี้สะท้อนถึงความตั้งใจของทีเอ็มบีธนชาตในการมองหาโอกาสและวิธีการรูปแบบใหม่ ๆ ในการส่งผ่านผลตอบแทนกลับคืนสู่ผู้ถือหุ้น โดยในปี 2566 นี้ ธนาคารก็จะยังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ ควบคู่กับการพัฒนาด้านดิจิทัล เพื่อยกระดับประสบการณ์ทางการเงินในการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น พร้อมทั้งสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน หนุนการเติบโตทางธุรกิจและสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นของธนาคารอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 ทีเอ็มบีธนชาตมีกำไรสุทธิ 14,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากปี 2564 ด้านคุณภาพสินทรัพย์บริหารจัดการได้ดี สัดส่วนหนี้เสียลดลงมาอยู่ที่ 2.73% ความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง โดยอัตราส่วนเงินกองทุนรวมอยู่ที่ 20.0% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 16.3%

ที่มา: ธนาคารทหารไทยธนชาต

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ