นายสมโภช ทนุตันติวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท แอดเทค ฮับ จำกัด (มหาชน) หรือ ("ADD") ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์และพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2566 ว่า ภาพรวมการดำเนินงานมีแนวโน้มกลับมาเติบโต โดยประเมินรายได้รวมมีโอกาสปรับตัวกลับมาแตะระดับ 500 ล้านบาท ตามการส่งสัญญาณเชิงบวกของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ที่ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค อีกทั้งกรณีการควบรวมกิจการระหว่าง TRUE และ DTAC จะช่วยให้รายได้และกำไรของอุตสาหกรรมดีขึ้น เนื่องจากการแข่งขันของผู้เล่นในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวจะเหลือเพียงไม่กี่ราย
ทั้งนี้จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ บมจ.แอดเทค ฮับ ("ADD") เตรียมแผนขับเคลื่อนทางธุรกิจ เพื่อขยายและสร้างโอกาสการต่อยอดให้กับบริษัทฯสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้เติบโตอย่างยั่งยืนผ่าน 2 กลยุทธ์หลัก คือ 1. กลยุทธ์ด้าน Organic คือ การสร้างโอกาสการเติบโตจากการดำเนินงานภายใต้ธุรกิจหลัก (Core Business) โดยการขยายโปรเจคคอนเทนต์และโซลูชั่นใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มฐานรายได้จากโปรเจคที่ทำกับโอเปอเรเตอร์ต่างๆ ให้มั่นคงมากขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 1 นี้ บริษัทฯเตรียมเปิดตัวการให้บริการโซลูชั่นใหม่เพื่อรองรับการให้บริการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น หลังจากที่มีการชะลอโครงการในช่วงปีที่ผ่านมาท่ามกลางความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรม
และ 2. กลยุทธ์ด้าน Inorganic คือ การเติบโตจากภายนอก โดยบริษัทฯมองหาโอกาสการลงทุน ในกลุ่มบริษัทใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อต่อยอดธุรกิจและกระจายความเสี่ยงลดการพึ่งพิงรายได้จากโอเปอเรเตอร์เพียงอย่างเดียว รวมถึงยังสามารถช่วยเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการรับงานโปรเจคใหม่ๆของบริษัทฯ นอกเหนือจากการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์และโซลูชั่นที่เป็นความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างศึกษาแผนการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอยู่ 2-3 ดีล ทั้งนี้ หากสามารถปิดดีลดังกล่าวได้แล้วเสร็จตามแผนการลงทุน ก็จะส่งผลให้ภาพรวมของผลการดำเนินงานทางธุรกิจของ "ADD" ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
"หลังจากที่เข้าไปลงทุนใน บริษัท เซเว่น คอนเนค แอดไวซอรี่ จำกัด ("7C") และบริษัท ไฮเว็บ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด (HWTHAI) ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของ "ADD" โดยในปี 2566 นี้ บริษัทฯจะรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทดังกล่าวเข้ามาเต็มปี ซึ่งจากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯมีแผนศึกษาเพื่อเข้าลงทุนในบริษัทอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทฯเติบโตอย่างมั่นคง และลดการพึ่งพารายได้จากกลุ่มโอเปอเรเตอร์ ในอนาคตได้"
ด้านผลการดำเนินงานในปี 2565 ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.แอดเทค ฮับ ("ADD") กล่าวว่า บริษัทฯมีรายได้จากการให้บริการรวม 331.18 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 45.01 ล้านบาท จากรายได้ 3 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย 1.การให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ มีรายได้ 274.80 ล้านบาท หรือลดลง 37.88% เนื่องจากผู้ใช้บริการมีการใช้จ่ายเพื่อใช้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ลดลง แม้ว่าจำนวนผู้ใช้บริการดิจิทัลคอนเทนต์โดยเฉลี่ยมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยในปี 2565 จำนวนผู้ใช้บริการดิจิทัลคอนเทนต์เฉลี่ย 6.07 ล้านรายต่อเดือน เพิ่มจากจำนวนเฉลี่ย 4.75 ล้านรายต่อเดือน คิดเป็นเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.32 ล้านรายต่อเดือน หรือเพิ่มขึ้น 27.76% โดยสาเหตุหลักที่ผู้ใช้บริการมีการใช้จ่ายที่ลดลง เนื่องมาจากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ประสบกับภาวะเงินเฟ้อ ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ในขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 74.35 ล้านบาท ลดลง 38.22% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 27.06% ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 27.20%
2.การให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ มีรายได้ 55.38 ล้านบาท ลดลง 23.21% เนื่องจากการลดลงของจำนวนยอดการใช้จ่ายของผู้ใช้บริการผ่านระบบที่บริษัทฯ มีการให้บริการแก่ลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 19.90 ล้านบาท ลดลง 52.06% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 35.93% ลดลงจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 57.57% จากต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับพนักงานเพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมการให้บริการที่จะมีเพิ่มขึ้นในอนาคตทั้งในส่วนของบริษัทฯ และลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทฯที่จะเพิ่มการให้บริการในโครงการใหม่ อย่างต่อเนื่องทุกปี อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์การควบรวมของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่ยังไม่มีความแน่นอนในช่วงเวลาดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละรายชะลอการเปิดใช้งานระบบที่บริษัทฯ มีการพัฒนาเพิ่มเติม โดยมุ่งเน้นไปที่การรักษาและเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานบนเครือข่าย และ 3.การให้บริการโฆษณาผ่านอินเทอร์เน็ตสำหรับสินค้าและบริการ มีรายได้ 1.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.12% เนื่องจากลูกค้ากลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีการใช้จ่ายด้านสื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์