นางนวรัตน์ วงศ์ฐิติรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BVG หนึ่งในผู้นำการประกอบธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันสำหรับบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับประกันภัยรถยนต์และประกันสุขภาพ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2565 (ตุลาคม-ธันวาคม) ว่าบริษัทฯ สามารถสร้างการเติบโตที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการให้บริการ 116 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% และทำกำไรสุทธิ 9 ล้านบาท เติบโต 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยความสำเร็จมาจากการใช้บริการผ่านแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันสำหรับการเคลมประกันภัยรถยนต์ หรือ ระบบ EMCS และบริการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลและสินไหมทดแทนผ่านระบบแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน หรือ บริการ TPA ที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลเชิงบวกต่อภาพรวมการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง และภาพรวมผลการดำเนินงานของทั้งปี 2565 ที่มีรายได้จากการให้บริการ 439 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และมีกำไรสุทธิ 54 ล้านบาท เติบโต 8%
นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ผ่านการให้บริการ AI Reviews เพื่อประมวลผลการพิจารณากระบวนการอนุมัติซ่อมและอนุมัติค่าสินไหมประกันภัย ในระบบ EMCS ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าที่เป็นบริษัทประกันภัยเข้ามาใช้บริการแล้วจำนวน 7 บริษัท ซึ่งอยู่ระหว่างการทยอยการใช้งานของระบบที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้ที่เกิดจากการให้บริการด้วยเทคโนโลยี AI ดีขึ้นตามลำดับ โดยปี 2565 มีรายได้ 15 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4% ของรายได้จากการให้บริการรวมทั้งหมด
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีหลังของปี 2565 ในอัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 31 มีนาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 11 พฤษภาคม 2566 เพื่อตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BVG กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมบอร์ดฯ ยังมีมติอนุมัติการเข้าทำสัญญาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท Cambodian Reinsurance Company ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจรับประกันภัยต่อในประเทศกัมพูชา เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Join Venture) ภายใต้ชื่อ CambodiaRe BlueVenture ด้วยทุนจดทะเบียน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง BVG จะถือหุ้นร้อยละ 49 โดยเริ่มต้นจากการให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันสำหรับการบริหารจัดการสินไหมทดแทนรักษาพยาบาลของบริษัทประกันภัย และสวัสดิการรักษาพยาบาล (บริการ TPA) เป็นลำดับแรก และจะพิจารณานำบริการแพลตฟอร์มสำหรับบริหารจัดการสินไหมทดแทนรถยนต์ (ระบบ EMCS ) บริการที่ปรึกษาด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย และบริการอื่นๆของกลุ่มบริษัทไปให้บริการในลำดับถัดไปในประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนขยายธุรกิจการให้บริการไปยังภูมิภาคอาเซียนที่จะช่วยเพิ่มพูนรายได้ให้แก่บริษัทฯ ต่อไปในอนาคต
ส่วนแผนการดำเนินงานในปีนี้ BVG เตรียมจะขยายการให้บริการด้วยเทคโนโลยี AI โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ AI Estimate หรือ ระบบการประเมินความเสียหายเบื้องต้นจากการเกิดอุบัติเหตุเพื่อประมาณการค่าสินไหม ที่อยู่ภายใต้ระบบ EMCS ให้แก่กลุ่มลูกค้าบริษัทประกันภัยรถยนต์ในช่วงไตรมาส 2-3 ของปีนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนและขั้นตอนการทำงาน พร้อมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้เอาประกันภัย ส่งผลดีต่อรายได้จากการให้บริการของระบบ EMCS ซึ่งสอดรับกับโอกาสเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์และธุรกิจประกันภัยในปีนี้
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย