บี.กริม เพาเวอร์ เผยผลงานปี 2565 รายได้เพิ่ม 33.8% ลุยเพิ่มสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับพันธมิตรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ชูยุทธศาสตร์ GreenLeap ขยายพอร์ต "พลังงานทดแทน" สร้างการเติบโตในอนาคต

พุธ ๐๑ มีนาคม ๒๐๒๓ ๐๙:๐๖
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM หนึ่งในบริษัทพลังงานเอกชนชั้นนำของประเทศไทย ที่โดดเด่นในด้านการผลิตไฟฟ้าอุตสาหกรรมและไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2565 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 12.3% เป็น 14,579 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้โรงไฟฟ้าสำหรับภาคอุตสาหกรรม (Small Power Producer หรือ SPP) ทั้งในส่วนที่ขายไฟฟ้าให้ แก่ กฟผ. และลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) จากการเพิ่มขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติและการปรับขึ้นของค่า Ft และปริมาณขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม

ขณะที่รายได้รวมปี 2565 เพิ่มขึ้น 33.8% เป็น 62,395 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปริมาณไฟฟ้าที่ขายอยู่ที่ 13,958 กิกะวัตต์-ชั่วโมง สาเหตุมาจาก จาก 1) ราคาขายไฟฟ้าต่อหน่วยให้แก่ กฟผ. เพิ่มขึ้นจากกลไกการส่งผ่านค่าเชื้อเพลิงตามราคาก๊าซธรรมชาติ ค่า Ft และราคาขายไอน้ำต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 2) การฟื้นตัวของปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้า IU ในประเทศเวียดนาม จากการล็อคดาวน์ประเทศในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 3) การเติบโตจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป. ลาว และ 4) การเริ่มดำเนินการของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์ ในประเทศไทย เมื่อเดือนสิงหาคม 2564

ด้านกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน-ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ สำหรับปี 2565 อยู่ที่ 375 ล้านบาท ลดลง 84.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 อยู่ที่ 169 ล้านบาท ลดลง 20.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งส่งผลมากกว่าการปรับขึ้นของค่า Ft (ผลการดำเนินงานของลูกค้า IU ในประเทศคิดเป็น 20.7% ของรายได้รวม) หากรวมผลขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่เงินสดและรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน ทั้งการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง และขาดทุนจากการด้อยค่าของโรงไฟฟ้าและอุปกรณ์สำหรับโรงไฟฟ้าที่มีการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว จะส่งผลให้ บี.กริม เพาเวอร์ รายงานผลขาดทุนสุทธิ-ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่เท่ากับ 1,244 ล้านบาท สำหรับปี 2565 และ 545 ล้านบาท สำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2565

ส่วนปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานในช่วง 12 เดือนข้างหน้าของ บี.กริม เพาเวอร์ คือ การเพิ่มขึ้นของค่า Ft จาก 0.9343 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็น 1.5492 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ในเดือนมกราคม - เมษายน 2566 สาเหตุหลักมาจากการปรับเพิ่มของราคาพลังงานโลก และคาดการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติต่อหน่วย สำหรับ SPP จะอยู่ที่ 400-450 บาทต่อล้าน BTU พร้อมกันนี้ ตั้งเป้าดำเนินการตามแผนควบคุมค่าใช้จ่าย เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในปีนี้อย่างน้อย 50-70 ล้านบาท

"ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างโอบอ้อมอารี และการปรับตัวให้ทันสมัยอยู่เสมอ บี.กริม สามารถก้าวผ่านมาได้ทุกวิกฤตตลอด 145 ปี แม้ในปี 2565 บี.กริม เพาเวอร์ จะมีผลการดำเนินงาน ชะลอตัวด้วยผลกระทบจากปัจจัยภายนอกและค่าใช้จ่ายทางบัญชีที่ไม่ใช่เงินสด บี.กริม เพาเวอร์ เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานขององค์กรจะสามารถฟื้นตัวอย่างมั่นคงในปี 2566 และอนาคตต่อจากนี้ไป ด้วยยุทธศาสตร์ GreenLeap Global and Green มุ่งเน้นตอบโจทย์ความต้องการด้านพลังงานที่เปลี่ยนแปลงไป ขยายการลงทุนในพลังงานทดแทน มุ่งสู่ 4,700 เมกะวัตต์ในปี 2567 และ 10,000 เมกะวัตต์ในปี 2573" ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ เปิดเผยว่า "ปี 2565 เป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย จากสถานการณ์ในรัฐเซีย-ยูเครน และราคาก๊าซธรรมชาติ ตลอดจนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก บี.กริม เพาเวอร์ ได้ร่วมแรงร่วมใจในการลดค่าใช้จ่าย ขยายธุรกิจและบริการใหม่ เห็นได้จากรายได้จากค่าบริการที่เพิ่มขึ้น 381 ล้านบาท และรายได้จากใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) 22 ล้านบาท ในปี 2565 บริษัทยังให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต ด้วยการปรับโครงสร้างองค์กรที่มุ่งเน้นเรื่องนวัตกรรม การลงทุน และความยั่งยืน โดยร่วมมือกับ Global Innovation Catalyst (GIC) จาก Silicon Valley เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านนวัตกรรมขององค์กร นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ยังได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายงาน S&P Global's Sustainability Yearbook ติดต่อกันมาเป็นปีที่ 2 โดยอยู่ในกลุ่มบริษัทผู้นำ 10% แรกของอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคไฟฟ้า ในรายงานฉบับปี 2566 สะท้อนการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์กร"

สำหรับแผนงานในปี 2566 บริษัทเดินหน้าขยายการลงทุน และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่อง โดยในเดือนกุมภาพันธ์ บี.กริม เพาเวอร์ และ อมตะ คอร์ปอเรชัน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการ "อมตะ ยูโรเปี้ยน สมาร์ท ซิตี้" (AMATA European Smart City) รองรับการลงทุนด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง (s-curve industries) ที่มีแนวโน้มจะขยายฐานการผลิตมายังทวีปเอเชีย และล่าสุดยังได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับ TNB Power Generation บริษัทย่อยของการไฟฟ้าแห่งชาติมาเลเซีย (Tenaga Nasional Berhad: TNB) เพื่อนำเข้าพลังงานหมุนเวียน (พลังงานน้ำ ลม และแสงอาทิตย์) จากโรงไฟฟ้ารวมขนาด 200 เมกะวัตต์ ผ่านกลไกของโครงการเชื่อมโยงระบบพลังงาน ลาว-ไทย-มาเลเซีย รวมถึงร่วมกันพัฒนาโครงการพลังงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

"ตลอดปี 2566 บี.กริม เพาเวอร์ วางเป้าหมายการได้มาของโครงการใหม่ๆ เพิ่มกำลังการผลิตจากการเข้าซื้อกิจการ การเพิ่มจำนวนลูกค้า IU รายใหม่ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 50.0-60.0 เมกะวัตต์ และการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ 438 เมกะวัตต์ จากโครงการโรงไฟฟ้า SPP เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม BGPM2R (บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (เอไออี-เอ็มทีพี) 2) , โครงการโรงไฟฟ้าแบบผสมผสาน อู่ตะเภา และโครงการโรงไฟฟ้า SPP ใหม่ 2 โครงการ BGPAT2&3 (บริษัท บี.กริม อ่างทอง 2 จำกัด และ บริษัท บี.กริม อ่างทอง 3 จำกัด)" ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว

ในระยะยาว บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลกและบรรลุเป้าหมายการก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon Emissions) ภายในปี 2593 การเพิ่มกำลังเป็น 4,700 เมกะวัตต์ ในปี 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 โดยมี EBITDA มากกว่า 3.5 หมื่นล้านบาทต่อปี และมีอัตรากำไร EBITDA ที่ร้อยละ 35 ภายในปี 2573 โดยจะมุ่งเน้นการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น มีเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้มากกว่า 50% ในปี 2573 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 25%

ด้านรางวัลและประกาศเกียรติคุณ บริษัทฯ ได้รับ 5 รางวัล จากงาน The 12th Asian Excellence Awards 2022 จัดโดย Corporate Governance Asia และ 2 รางวัล จากงาน Asian Power Awards 2022 จัดโดย Asian Power, รางวัล Rising Star Sustainability Excellence จากงาน SET Awards 2022 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และรางวัล Best in Sector - Utilities จากงาน South East Asia Awards 2022 จัดโดย IR Magazine อีกด้วย

ทั้งนี้ คณะกรรมการ บี.กริม เพาเวอร์ ประกาศจ่ายเงินปันผลที่ 0.065 บาทต่อหุ้น สำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลที่ 45% ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน โดยเหลือเงินปันผลจ่ายงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.035 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติของที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 สอดคล้องกับนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40%

ที่มา: กู้ดวิล คอมมูนิเคชั่นส์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO