นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER โรงพยาบาลด้านศัลยกรรมเสริมความงามภายใต้ชื่อ "โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช : Masterpiece Hospital" เปิดเผยว่า บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2565 (ม.ค.-ธ.ค. 2565) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 300.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.84% จากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 162.80 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลอยู่ที่ 1,482.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.8% จากปี 2564 มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลอยู่ที่ 659.51 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงาน MASTER มาจากการเติบโตในทุกกลุ่มหัตถการของการประกอบกิจการโรงพยาบาล อาทิ รายได้จากการศัลยกรรมอยู่ที่ 1,193.61 ล้านบาท เติบโต 126.58% จากปี 2564 มีรายได้อยู่ที่ 526.79 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการดูแลผิวพรรณอยู่ที่ 105.61 ล้านบาท เติบโต 170.79% จากปี 2564 มีรายได้อยู่ที่ 39 ล้านบาท ด้านรายได้จากการปลูกผมและดูแลเส้นผมอยู่ที่ 89.96 ล้านบาท เติบโต 285.76% จากปี 2564 มีรายได้อยู่ที่23.32 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการดูแลหลังจากการศัลยกรรมอยู่ที่ 62.37 ล้านบาท เติบโต 74.56% จากปี 2564 อยู่ที่ 35.73 ล้านบาท
"รายได้จากการศัลยกรรมดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุกหัตถการ ทั้งศัลยกรรมเสริมจมูก ศัลยกรรมยกคิ้ว ศัลยกรรมหน้าอก ศัลยกรรมดูดไขมัน และศัลยกรรมอื่นๆ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2565 คลี่คลาย รวมถึงบริษัทฯ เพิ่มจำนวนแพทย์ และทำกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีลูกค้าเข้ามารับบริการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า" นายแพทย์ระวีวัฒน์ กล่าว
นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER กล่าวว่า ในปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 841.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141.86% จากปี 2564 กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 347.86 ล้านบาท สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 52.75% เป็น 56.75% เนื่องจากบริหารจัดการต้นทุนยา เวชภัณฑ์ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในปี 2565 อัตราตอบแทนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 105.59% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 76.97% สาเหตุจากบริษัทฯ มีกำไรสำหรับปี 2565 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ยเพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่า ทำให้อัตราผลตอบแทนจากผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท ซึ่งได้กำหนดจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณามติดังกล่าวในวันที่ 28 เมษายน 2566
ที่มา: ไออาร์ พลัส