นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินบริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN ผู้ประกอบธุรกิจแปรรูปอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง อาหารบรรจุภาชนะปิดผนึก อาหารสัตว์เลี้ยง และอาหารสัตว์น้ำ จำหน่ายและส่งออก ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท และผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในระดับ "BBB" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" นับเป็นการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ "BBB" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
ทั้งนี้ การคงอันดับเครดิตที่ระดับ "BBB" สะท้อนถึงฐานเงินทุนที่ยังคงแข็งแกร่ง รวมถึงแนวโน้มการเติบโตในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของธุรกิจอาหารสัตว์น้ำจากการปรับปรุงประสิทธิภาพภายในของบริษัท และผลการดำเนินงานโดยรวมที่อยู่ในระดับดี นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนความสามารถในการแข็งขันของบริษัท ในฐานะผู้ผลิตอาหารคนและอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงความสำเร็จในการนำบริษัทลูก คือ บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อระดมทุนในการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และชำระคืนหนี้เดิมเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน
ด้านผลการดำเนินงานในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานเติบโตกว่าร้อยละ 18 มาอยู่ที่ระดับ 1.13 หมื่นล้านบาท และยังคงมีกำไรสุทธิที่ 1,034 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีก่อน โดยหนี้สินต่อทุนของบริษัทอยู่ในระดับต่ำมาก จากเดิมที่อยู่ในระดับ 0.8 เท่า ณ สิ้นปี 2564 ปรับลดลงมาเป็น 0.3 เท่า ณ สิ้นปี 2565 และมีสภาพคล่องเพียงพอจากการระดมทุน IPO ของบริษัทลูก และวงเงินหมุนเวียนของบริษัท ทั้งนี้ ปี 2565 ที่ผ่านมาบริษัทมีการใช้จ่ายลงทุนประมาณ 650 ล้านบาท และมีแผนการใช้งบประมาณลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 730 ล้านบาท ถึง 1,400 ล้านบาท ในระหว่างปี 2566-2567
"แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" ทริสเรทติ้ง เชื่อว่าบริษัทจะยังคงสถานะทางการตลาดในธุรกิจหลักทั้ง 2 ประเภท คือ อาหารทะเลแช่แข็งและอาหารสัตว์เลี้ยงเอาไว้ได้ต่อไป ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคาดหมายว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานและความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นพร้อมทั้งยังสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ให้ต่ำกว่าระดับ 4 เท่า เอาไว้ได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า" นายเอกกมล กล่าว
ที่มา: ไออาร์ พลัส