นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2565 ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากผลกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ซึ่งเติบโตถึง 12,000 ล้านบาท บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ ธุรกิจผลิตไฟฟ้ายังคงเป็นแหล่งรายได้หลัก ซึ่งในปี 2565 บริษัทฯ รับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเรียว ในอินโดนีเซีย และโรงไฟฟ้าเน็กส์ซิฟ ราช ระยอง ในประเทศไทย รวมทั้งการลงทุนเพิ่มในโรงไฟฟ้าพลังน้ำอาซาฮาน-1 อินโดนีเซีย และโรงไฟฟ้าสหโคเจน (ชลบุรี) ด้วย
"ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้ากลุ่มบริษัทฯ โดยส่วนใหญ่ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ได้ค่อนข้างดี แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นตามราคาตลาดโลก อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการบริหารทางการเงินให้ต้นทุนอยู่ในระดับเหมาะสมและการจัดหาเงินทุนให้เพียงพอและทันการณ์กับการขยายการลงทุนของบริษัทฯ ปัจจุบันสถานะทางการเงินของบริษัทฯ จัดอยู่ในระดับที่มั่นคงและแข็งแกร่ง ในปี 2565 สินทรัพย์รวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 229,578.28 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนสภาพคล่อง อยู่ที่ระดับ 1.90 เท่า และหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ระดับ 1.14 เท่า ที่สำคัญ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นรักษาอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นให้มีความยั่งยืน โดยในปีนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จัดสรรเงินปันผลจ่ายแก่ผู้ถือหุ้นเป็นจำนวน 3,480 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 60.19 ของกำไรสุทธิประจำปี 2565 ซึ่งบริษัทฯ จะได้นำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2566 เพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่ 24 เมษายน ศกนี้" นางสาวชูศรี กล่าว
อนึ่ง เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2565 บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 (งวดเดือนมกราคม - มิถุนายน 2565) แล้ว จำนวนหุ้นละ 0.80 บาท จึงคงเหลือเงินปันผลจ่ายอีก จำนวน 0.80 บาทต่อหุ้น
ที่มา: ราช กรุ๊ป