'พรินซิเพิล' มองตลาดหุ้นไทยปี 2566 มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideway เปิดตัว "กองทุนเปิดพรินซิเพิล คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย" (PRINCIPAL CR-AI)

อังคาร ๐๗ มีนาคม ๒๐๒๓ ๑๓:๐๕
'พรินซิเพิล' มองตลาดหุ้นไทยปี 2566 มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideway เปิดตัว "กองทุนเปิดพรินซิเพิล คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย" (PRINCIPAL CR-AI) ลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงประเภท KIKO อ้างอิงหุ้นไทยในรูปแบบกองทุนใหม่ ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในหุ้น ภาวะตลาด Sideway เสนอขายครั้งแรก 7 - 15 มี.ค.นี้

บลจ. พรินซิเพิล ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปีนี้เคลื่อนไหว sideway จากปัจจัยบวกและปัจจัยลบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนที่มีความสมดุลกัน มองการลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง ประเภท KIKO (Knock-In Knock-Out) ที่อ้างอิงกับหุ้นไทย มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในหุ้น ในภาวะตลาด sideway จับจังหวะเปิดตัว "กองทุนเปิดพรินซิเพิล คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย" (PRINCIPAL CR-AI) เตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก 7 - 15 มีนาคม 2566 จองซื้อขั้นต่ำ 500,000 บาท โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง และตราสารอื่นๆ รวมถึงเงินฝาก ตั้งแต่ร้อยละ 0 - 100 มีอายุกองทุนประมาณ 1 ปี

นายศุภกร ตุลยธัญ, CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปี 2566 มีแนวโน้มเคลื่อนไหวแบบ Sideway ไม่ได้มี upside เยอะแต่ก็ไม่ได้มีความเสี่ยงติดลบรุนแรง เนื่องจากมองว่าปัจจัยสนับสนุนและปัจจัยเสี่ยงที่เข้ามากดดันภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนอยู่ในระดับที่สมดุลกัน โดยประเมินปัจจัยบวกหลักๆ ได้แก่ 1) GDP ของประเทศไทยที่มีแนวโน้มเติบโตในอัตรา 3.7% สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้วที่ GDP มีแนวโน้มเติบโตเพียง 1.2% (ที่มา: กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF) 2) ภาคการท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวต่อเนื่องโดยมีปัจจัยหนุนหลักจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนหลังจากจีนเปิดประเทศ และ 3) การเลือกตั้งใหญ่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงกลางปีนี้ จะสนับสนุนการตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยลบที่เข้ามากดดัน ได้แก่ 1) ภาคส่งออกที่มีสัดส่วนประมาณ 60% ของมูลค่า GDP มีแนวโน้มหดตัวจากความเสี่ยงการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในประเทศที่พัฒนาแล้ว 2) นอกเหนือจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยโดยเฟดฯ แล้วนั้น ธปท.มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอีก 2 ถึง 3 ครั้งในปีนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 2.00% ถึง 2.25% จาก 1.5% ในปัจจุบัน 3) อัตรากำไรต่อหุ้นของตลาดหุ้นไทยที่มีความเสี่ยงจะถูกปรับลดประมาณการ จากกลุ่มบริษัทพลังงานและบริษัทภาคอุตสาหกรรมที่แนวโน้มกำไรลดลง

ดังนั้น มองว่าการลงทุนใน "หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง ประเภท KIKO (Knock-In Knock-Out)" ที่อ้างอิงกับหุ้นไทย หรือหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงระยะสั้นที่มีการจ่ายคืนเงินต้นและผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาหุ้นหรือราคาหุ้นในตะกร้าหลักทรัพย์ มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในหุ้น ในภาวะตลาด sideway

บลจ. พรินซิเพิล เตรียมเปิดตัว "กองทุนเปิดพรินซิเพิล คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย" หรือ Principal Complex Return Fund Not for Retail Investors (PRINCIPAL CR-AI) มีทุนจดทะเบียน 2,000 ล้านบาท (Green shoe 15%) สั่งซื้อขั้นต่ำ 500,000 บาท กำหนดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) วันที่ 7 - 15 มีนาคม 2566 โดยกองทุนฯ มีนโยบายลงทุนในตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารทางการเงิน เงินฝาก โดยจะพิจารณาปรับสัดส่วนลงทุนได้ตั้งแต่ร้อยละ 0 - 100 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

ทั้งนี้ กองทุน PRINCIPAL CR-AI มีอายุกองทุนประมาณ 1 ปี (ตั้งแต่ 11 - 13 เดือน) นับจากวันที่จดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม โดยบริษัทจัดการจะพิจารณาเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการได้

ในช่วงครึ่งแรกของอายุโครงการ (ประมาณ 6 เดือน) นับจากวันที่จดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม กองทุนฯ มีนโยบายเน้นลงทุนแบบ "buy-and-hold" (เน้นลงทุนครั้งเดียวและถือไว้จนครบกำหนดอายุโครงการ) ในสัดส่วนเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ในตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ที่เป็นหุ้นกู้อนุพันธ์ประเภท KIKO (Knock-In Knock-Out) ที่มีอายุตราสารสอดคล้องกับกรอบเวลาในช่วงครึ่งแรกของอายุโครงการดังกล่าว มีผลตอบแทนอ้างอิงกับหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประมาณ 1 ถึง 2 หลักทรัพย์ โดยมีเงื่อนไขการไถ่ถอนด้วยการส่งมอบเงินสดและหรือทรัพย์สินอื่นที่เทียบเท่าเงินสด หรือส่งมอบหุ้นอ้างอิงตามเงื่อนไขที่กำหนดของแต่ละตราสาร

ในส่วนของหุ้นอ้างอิง ผู้จัดการกองทุนจะคัดเลือกหุ้นไทยคุณภาพ ที่อยู่ในดัชนี SET 100 มีปัจจัยพื้นฐานดีใน 6-12 เดือนข้างหน้า มุ่งเน้นหุ้นที่มี Downside จำกัด และมีโอกาสเติบโตในอนาคต อีกทั้งจัดสรรน้ำหนักการลงทุนตามสัดส่วนโดยคำนึงถึงโอกาสเกิด Knock - in และ Knock - out ของพอร์ตลงทุนและความเสี่ยงโดยรวม เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมาย ทั้งนี้กองทุนจะลงทุนอย่างน้อยจำนวน 7 ตราสารเพื่อกระจายความเสี่ยงการลงทุน โดยผู้ออกตราสารจะต้องมีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสามารถที่ลงทุนได้ (Investment Grade) เท่านั้น

ส่วนในช่วงภายหลังจากระยะเวลาประมาณ 6 เดือนแรก แบ่งออกเป็น 2 กรณีคือ 1) ตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ที่กองทุนเข้าลงทุนครบกำหนดไถ่ถอนโดยเข้าเงื่อนไขด้วยการส่งมอบเป็นเงินสดทั้งหมด บลจ. พรินซิเพิลจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดแบบอัตโนมัติ เพื่อคืนเงินแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนและเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ และ 2) กรณีที่ตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ที่กองทุนฯ เข้าลงทุนครบกำหนดอายุและได้รับมอบเป็นหุ้นอ้างอิงจากตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝงใดๆ ที่กองทุนลงทุน บริษัทจัดการจะบริหารจัดการหุ้นอ้างอิงที่ได้รับมอบดังกล่าวต่อไป โดยอาจพิจารณาขายหลักทรัพย์ดังกล่าวออกบางส่วนหรือทั้งหมด รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ ที่กองทุนเข้าลงทุนตามดุลยพินิจของบริษัทจัดการ อย่างไรก็ดีในกรณีที่กองทุนจำหน่ายหุ้นอ้างอิง ทรัพย์สินอื่นๆ ทั้งหมดก่อนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการขอสงวนสิทธิที่จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ เพื่อคืนเงินแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนและเลิกกองทุนก่อนกำหนดอายุโครงการ

ทั้งนี้ กองทุนเปิดพรินซิเพิล คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (PRINCIPAL CR-AI) เตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) วันที่ 7 - 15 มีนาคม 2566 สั่งซื้อขั้นต่ำ 500,000 บาท ผู้สนใจติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด โทร. 02-686-9500 หรือ www.principal.th

"ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย" กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน

คำเตือน

  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
  • กองทุนนี้ไม่ถูกจำกัดความเสี่ยงด้านการลงทุนเช่นเดียวกับกองทุนรวมทั่วไปจึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่รับผลขาดทุนระดับสูงได้เท่านั้น
  • ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ในช่วงระยะเวลาประมาณ 1 ปี และกองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัว ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
  • กองทุนนี้มีการลงทุนหรือใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน ซึ่งมีความแตกต่างจากการลงทุนหรือใช้บริการผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนทั่วไป
  • กองทุนนี้มีหลักเกณฑ์การจ่ายผลตอบแทนแบบซับซ้อน ผู้ลงทุนควรศึกษาให้เข้าใจก่อนลงทุน
  • กองทุนมิได้ประกันราคาหรือผลตอบแทนจากการลงทุน และผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนออกจากกองทุนนี้ได้นับตั้งแต่วันจดทะเบียนจนกระทั่งเลิกกองทุน ดังนั้น หากการคาดการณ์ทิศทางของราคาหลักทรัพย์อ้างอิงผิดพลาด อาจทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หรืออาจทำให้เกิดการขาดทุนบางส่วนหรือทั้งหมดได้
  • กองทุนนี้ไม่เปิดรับคำสั่งขายคืนหน่วยลงทุนตามดุลยพินิจของผู้ถือหน่วยตลอดอายุโครงการประมาณ 1 ปี จึงเหมาะกับเงินลงทุนที่ไม่ต้องการสภาพคล่อง และสามารถลงทุนได้จนครบกำหนดอายุกองทุน
  • กองทุนนี้มีนโยบายการลงทุนในตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง ("Structured Note") ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงมากกว่ากองทุนรวมอื่น ผู้ลงทุนควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงของการลงทุน และควรคำนึงถึงประสบการณ์การลงทุน วัตถุประสงค์การลงทุน ฐานะการเงินของผู้ลงทุนเอง รวมถึงผู้ลงทุนต้องสามารถยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนได้

ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ