นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ มันนี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SM เปิดเผยว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2566 คาดจะเติบโตจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัว และภาครัฐมีมาตรการต่างๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลดีต่อการใช้จ่ายภายในประเทศทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคตะวันออกเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนที่สำคัญ สนับสนุนกำลังซื้อในโซนดังกล่าวคึกคักในทิศทางเดียวกัน
ขณะที่ทิศทางธุรกิจการให้บริการสินเชื่อรายย่อยแบบมีหลักประกันประเภททะเบียนรถจักรยานยนต์, รถยนต์ รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รถใช้งานเพื่อการเกษตร รวมถึงที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีดีมานด์เข้ามารับภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศกลับมาคึกคักหลังยุคโควิดผ่อนคลาย วางเป้าปีนี้เดินหน้าขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างรัดกุม จากสิ้นปี 2565 พอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 2,300 ล้านบาท เดินหน้าขยายพอร์ตสินเชื่อ โดยเน้นการบริหารคุณภาพสินเชื่อย่างรัดกุม
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน (IPO) ในช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา จะสนับสนุนการเติบโตตามกลยุทธ์ที่วางไว้ พร้อมเดินหน้าใน Core Business ที่บริษัทฯมีความชำนาญอยู่แล้ว ด้วยจุดแข็งของ SM มีกลุ่มลูกค้าภาคตะวันออกซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากการเติบโตและการขยายของ EEC ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ทั้งภาคครัวเรือน ภาคอุตสาหกรรม และภาคการท่องเที่ยว เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ SM สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
"ในช่วงต้นปี 2566 นี้ SM เปิดสาขาใหม่เพิ่มจำนวน 4 สาขา โดยมุ่งเน้นทำเลที่มีศักยภาพพร้อมทั้งในปีนี้เราจะมุ่งเน้นช่องทางการขายอื่น ๆ ที่ต้นทุนดำเนินการต่ำให้มากขึ้น จาก ณ สิ้นปี 2565 บริษัทฯ มีสาขาอยู่ที่ 94 สาขา ครอบคลุม 7 จังหวัดในโซนภาคตะวันออกของประเทศไทย รวมถึง การจับมือพันธมิตรเข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง เพื่อขยายฐานลูกค้า รองรับกำลังซื้อที่ฟื้นตัว ซึ่งคาดจะเห็นความร่วมมือใหม่ๆ เกิดขึ้นในปีนี้ รองรับแผนการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อให้มากขึ้น เพราะสินเชื่อเช่าซื้อมีผลตอบแทนที่สูง จะทำให้ Loan Yield และ Net Interest Margin อยู่ในระดับที่เติบโตค่อนข้างดี
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 SM มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,399.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 162.02 ล้านบาท หรือเติบโต 13.09% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้หลักเพิ่มขึ้นจากรายได้การขายสินค้าและรายได้ดอกเบี้ยสัญญาเช่าซื้อซึ่งเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ
ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมาจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายโดยใช้หุ้นเป็นเกณฑ์ (Share based payment) ในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทมีการรับรู้ค่าใช้จ่ายจากรายการผลประโยชน์ที่จ่ายโดยใช้หุ้นเป็นเกณฑ์ จากที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ได้ทำสัญญาขายหุ้นสามัญของบริษัทฯ จำนวน 64 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท กับบริษัท บัวหลวงเวนเจอร์ส จำกัด จำนวน 19.58 ล้านบาท ซึ่งรายการค่าใช้จ่ายดังกล่าวไม่ได้เป็นค่าใช้จ่ายจากการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัทฯ และเป็นรายการพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ไม่ได้มีผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรหรือการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัท โดยทำให้ในงวดปี 2565 SM มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 81.15 ล้านบาท แต่หากไม่รวมค่าใช้จ่าย Share based ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวดังกล่าว จะสนับสนุนให้ SM มีกำไรจากการดำเนินปกติอยู่ที่ 100.7 ลบ. ใกล้เคียงปี 2564 กำไรสุทธิอยู่ที่ 102.9 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดสาขาใหม่ 9 สาขาในปี 2565
และเพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ยังคงเชื่อมั่น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเสนอผู้ถือหุ้นจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท/หุ้น คิดเป็นเงินรวม 44 ล้านบาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 26 พฤษภาคม 2566ซึ่งนับเป็นการจ่ายปันผลทันทีหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์
ปัจจุบัน SM ประกอบธุรกิจหลัก 2 ประเภท คือ จำหน่ายสินค้า เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ตู้แช่ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์อื่น ๆ ทั้งขายเงินสดและผ่อนชำระ จัดทำเป็นสัญญาเช่าซื้อ โดยจำหน่ายสินค้าผ่าน "ร้านสตาร์มันนี่" ที่ถือเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ในภาคตะวันออก รวมถึงจำหน่ายผ่าน Platform E-Marketplace
และปล่อยสินเชื่อ ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน, สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่ใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และสินเชื่อที่มีหลักประกันอื่น ๆ เช่น ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง นอกจากนี้บริษัทยังให้บริการด้านอื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เช่น นายหน้าประกันวินาศภัย รวมถึงบริการซื้อประกันรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ) และต่อภาษีประจำปีรถยนต์ เป็นต้น
ที่มา: ไออาร์ พลัส