จากนั้น ทางเหมืองโอยูโทลโกยจึงจัดงานพิธีร่วมกับพนักงาน, คณะผู้นำ, กรรมการบอร์ด, ซัพพลายเออร์ในท้องถิ่น และตัวแทนจากรัฐบาลมองโกเลีย เพื่อฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญสู่การเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ทองแดงชั้นนำของโลก
เมื่อเดือนมกราคม 2565 รัฐบาลมองโกเลียและริโอ ทินโต ได้บรรลุข้อตกลงเพื่อตั้งความสัมพันธ์ใหม่และดำเนินการโครงการเหมืองใต้ดินโอยูโทลโกย ตั้งแต่นั้นมา ได้มีการระเบิดรูขุดเจาะ (drawbell) ไปแล้ว 30 รู และเหมืองใต้ดินในขณะนี้ให้ผลผลิตทองแดงแล้ว ทั้งนี้ โอยูโทลโกยคาดว่าจะเป็นเหมืองทองแดงขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลกภายในปี 2573 และดำเนินการในควอร์ไทล์แรกของเส้นต้นทุนการผลิตทองแดง (กล่าวคือ มีต้นทุนต่ำกว่าอีก 75% ของเหมืองทองแดงเจ้าอื่น ๆ ที่เหลือ) ขณะนี้ กำลังมีการแปรรูปสินแร่จากพื้นที่พาเนลซีโร่ (Panel Zero) ในบริเวณฮิวโก นอร์ท ลิฟต์ 1 (Hugo North Lift 1) และการผลิตจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ความร่วมมือระหว่างริโอ ทินโต กับมองโกเลีย, เหมืองเปิดและโรงงานแยกแร่ (concentrator) ของโอยูโทลโกย ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานเป็นเวลากว่าทศวรรษ พนักงานทั้งหมดของโอยูโทลโกยปัจจุบันมีประมาณ 20,000 คน โดย 97% เป็นชาวมองโกเลีย โอยูโทลโกยร่วมมือกับซัพพลายเออร์ระดับประเทศกว่า 500 ราย และใช้จ่ายไปแล้วประมาณ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในมองโกเลียตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งรวมถึงภาษี, ค่าธรรมเนียม และการชำระเงินอื่น ๆ อีก 4 พันล้านดอลลาร์ให้กับงบประมาณของหลวง
การลงทุนกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ในการพัฒนาเหมืองใต้ดินจะช่วยปลดล็อกส่วนที่มีค่าที่สุดของทรัพยากรทองแดงและเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด โอยูโทลโกยจะให้ผลผลิตทองแดงเฉลี่ย 500,000 ตันต่อปีตั้งแต่ปี 2571 ถึง 2579 จากทั้งเหมืองเปิดและเหมืองใต้ดิน ซึ่งจำนวนนี้เพียงพอสำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 6 ล้านคันต่อปี นอกจากนี้ คาดว่าโอยูโทลโกยจะให้ผลผลิตทองแดงได้เฉลี่ยประมาณ 290,000 ตันต่อปีตลอดอายุการใช้งานสำรองประมาณ 30 ปี
นายลุฟซานนัมซไร โอยุน-เออร์เดเน นายกรัฐมนตรีมองโกเลีย กล่าวว่า "ผมภูมิใจที่ได้เฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญกับริโอ ทินโต ผู้เป็นพาร์ตเนอร์ของเรา โดยพวกเรามุ่งหวังให้มองโกเลียกลายเป็นผู้ผลิตทองแดงชั้นนำของโลก การเริ่มต้นกระบวนการทำเหมืองใต้ดินที่โอยูโทลโกยแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเราในการร่วมงานกับนักลงทุนอย่างยั่งยืนและกลายเป็นพาร์ตเนอร์ที่เชื่อถือได้ ในเฟสถัดไปของความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยรับประกันว่าการดำเนินการตามแผน 'นโยบายฟื้นฟูใหม่' (New Recovery Policy) และวิสัยทัศน์ปี 2593 (Vision 2050) อันเป็นกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของมองโกเลียจะสำเร็จอย่างราบรื่นต่อเนื่อง มองโกเลียยินดีและพร้อมที่จะร่วมมือกับนักลงทุนและพาร์ตเนอร์ทั่วโลกเพื่อประโยชน์ร่วมกัน"
นายยาคอบ สเตาส์โฮล์ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของริโอ ทินโต กล่าวว่า "เราขอขอบคุณรัฐบาลมองโกเลียสำหรับความมุ่งมั่นในฐานะพาร์ตเนอร์ของเราในการบรรลุเป้าหมายสำคัญนี้ เราเริ่มกระบวนการทำเหมืองใต้ดิน 1.3 กิโลเมตรใต้ทะเลทรายโกบีอันห่างไกล โดยใช้ประโยชน์จากแหล่งสินแร่ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการผลิตทองแดงทั่วโลกและการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของมองโกเลีย ผลผลิตทองแดงที่ได้จากเหมืองไฮเทคระดับโลกตัวจริงแห่งนี้จะช่วยรองรับความต้องการด้านการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่จำเป็นต่อการบรรลุอนาคตที่มีคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ และช่วยให้ธุรกิจทองแดงของริโอ ทินโต เติบโตขึ้น"