ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่ และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติร่วมในพิธีลงนามสัญญาร่วมทุนจัดตั้ง "บริษัท รีเนกซ์ เทคโนโลยี จำกัด" (RENEX TECHNOLOGY) เพื่อดำเนินการพัฒนาและลงทุนในธุรกิจการให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนสำหรับลูกค้าอุตสาหกรรมและผู้ใช้บริการรายอื่น ๆ (Peer-to-Peer Energy Trading Platform) โดยมีนายชาญ กุลภัทรนิรันดร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมฆา วี จำกัด (Mekha V) นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน)
นายอัครินทร์ ประเทืองสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) และนายธัชกรณ์ วชิรมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซอร์ทิส เอไอ เอ็นเนอร์จี จำกัด ร่วมลงนาม พร้อมด้วยผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นสักขีพยาน โดยบริษัทร่วมทุน RENEX TECHNOLOGY มีเป้าหมายเพื่อดำเนินการประกอบธุรกิจพัฒนาและให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าโดยตรงระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้ไฟฟ้า (Peer-to-Peer) หรือการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าโดยไม่ผ่านคนกลาง โดยใช้ระบบ Two-Sided Bidding Algorithm รวมทั้งเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมและอำนวยความสะดวกการซื้อขายพลังงานให้กับผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยกับผู้ใช้พลังงานด้วยเทคโนโลยี Blockchain
ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า การร่วมทุนในครั้งนี้ เป็นไปตามทิศทางกลยุทธ์การลงทุนธุรกิจพลังงานใหม่และธุรกิจอื่น ที่นอกเหนือจากพลังงานของ ปตท. โดยได้ส่งบริษัท เมฆา วี จำกัด (Mekha V) ซึ่งเป็น Flagship ด้านธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และดิจิทัล (AI, Robotics & Digitalization) ของกลุ่ม ปตท. เข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรทั้ง WHAUP และ Sertis ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการนวัตกรรมพลังงาน โดย RENEX ถือเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายพลังงานหมุนเวียน ซึ่งพัฒนาด้วยเทคโนโลยี Blockchain ให้สามารถซื้อขายพลังงานหมุนเวียนระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการทดสอบจริงในนิคมอุตสาหกรรมภายใต้โครงการ ERC Sandbox เพื่อความพร้อมในการรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงานอนาคต และเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันการใช้พลังงานสะอาดและขับเคลื่อนประเทศให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) โดยกลุ่ม ปตท. มุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ตอบโจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ และสอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจ ที่ต้องการพลังงานสีเขียวซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ("WHAUP") กล่าวว่า ในนามของบริษัทฯ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมลงนามในพิธีลงนามสัญญา จัดตั้งบริษัท รีเนกซ์ เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน ระหว่าง บริษัท เมฆา วี จำกัด (Mekha V) บริษัทย่อยของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ดับบลิวเอชเอ ฟิวเจอร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด บริษัทย่อยของ WHAUP และบริษัท เซอร์ทิส เอไอ เอ็นเนอร์จี จำกัด
WHAUP ในฐานะผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภค พลังงาน ทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเน้นการพัฒนาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค และ พัฒนาพลังงานหมุนเวียนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง สำหรับการร่วมลงทุนในครั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายของ WHAUP ในการเดินหน้าลงทุนในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและลดต้นทุนของพลังงานไฟฟ้า อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดให้กับกลุ่มลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ จนนำมาสู่การพัฒนาระบบการซื้อขายไฟฟ้าเสรีแบบไม่มีตัวกลางที่เรียกว่า Peer-to-Peer Energy Trading หรือ แพลตฟอร์ม RENEX เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ผลิตไฟฟ้าและผู้รับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยใช้เทคโนโลยี AI และ Blockchain มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยในการทำธุรกรรม ระหว่างผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยกับผู้ใช้พลังงาน
"การร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุน รีเนกซ์ เทคโนโลยี ในวันนี้ สะท้อนให้เห็นถึง ความมุ่งมั่นของ 3 องค์กรชั้นนำที่มีความแข็งแกร่ง และประสิทธิภาพในการบริการจัดการ ของทั้ง บริษัท เมฆา วี จำกัด บริษัท ดับบลิวเอชเอ ฟิวเจอร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด และบริษัท เซอร์ทิส เอไอ เอ็นเนอร์จี จำกัด เพื่อยกระดับสู่บริษัทร่วมทุนที่มีความทันสมัย ก้าวไกล ในการร่วมมือพัฒนา ทดสอบ และผลักดันระบบแพลตฟอร์ม RENEX ให้สามารถใช้งานได้ในเชิงพาณิชย์นำไปสู่อุตสาหกรรมที่ยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการชั้นนำในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นผู้ซื้อขายพลังงานบนแพลตฟอร์ม RENEXแล้ว ถึง 54 รายด้วยกัน"
นอกจากนี้ WHAUP เชื่อมั่นว่าแพลตฟอร์ม RENEX จะรองรับการให้บริการกับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้แพลตฟอร์ม RENEX ยังมีศักยภาพที่สามารถพัฒนาเพื่อรองรับการให้บริการกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น คาร์บอนเครดิต และพัฒนาขยายขอบเขตเพื่อรองรับการบริการระหว่างนิคมอุตสาหกรรม และ ระบบที่ใหญ่ระดับประเทศได้
ในปี 2565 WHAUP ได้รับรางวัลในกลุ่มรางวัล Business Excellence ประเภทรางวัล Best Innovative Company Awards ประจำปี 2565 ภายในงาน SET Awards 2022 ด้านนวัตกรรม :Peer-to-Peer Energy Trading: Future of Energy Market: ระบบโครงข่ายซื้อขายไฟฟ้าในพื้นที่อุตสาหกรรม โดยเพลตฟอร์มนี้ได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถประมูลซื้อขายพลังงานตามราคาที่ตัวเองกำหนด โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการเสริมสร้างนวัตกรรม สอดรับกับแผนขับเคลื่อนองค์กรการเติบโตแบบอย่างยั่งยืนในอนาคต
นายธัชกรณ์ วชิรมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท เซอร์ทิส จำกัด และบริษัท เซอร์ทิส เอไอ เอ็นเนอร์จี จำกัด กล่าวว่า การได้ร่วมทุนกับพันธมิตรทั้ง Mekha V และ WHAUP ในครั้งนี้ นับเป็นหนึ่งในเป้าหมาย และความมุ่งมั่นของบริษัทที่จะเป็น "The Trusted AI Engine for the World" ที่เปรียบเสมือนเป็นมันสมองสำคัญในการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจการต่าง ๆ ด้วยปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ และเทคโนโลยีดิจิทัลอื่น ๆ เพื่อผลักดันและต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมพลังงานซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญในระดับประเทศ และยังมีอีกหลายแขนงที่สามารถนำเทคโนโลยีเข้าไปเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจได้ เราจึงได้ร่วมมือกับปตท. ในการพัฒนา RENEX ดิจิทัลแพลตฟอร์มซื้อขายไฟฟ้าเสรีสำหรับภาคอุตสาหกรรม (Peer-to-Peer Energy Trading Platform) มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเทคโนโลยี blockchain เป็นกุญแจสำคัญพื้นฐานของแพลตฟอร์มนี้ ให้ผู้ใช้งานสามารถทำการซื้อขายพลังงานแสงอาทิตย์ได้ในราคาและปริมาณที่ต้องการบนแพลตฟอร์มที่มีความเสถียรและปลอดภัย ผ่านระบบการจับคู่ ประมูลราคา และออกบิล โดยได้รับการยืนยันปริมาณไฟฟ้าโดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยในการทำธุรกรรมด้านพลังงานภายในอุตสาหกรรมพลังงาน และช่วยสร้างสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม โดยหวังอย่างยิ่งว่า แพลตฟอร์มนี้นอกจากจะสร้างประโยชน์ให้กับผู้ใช้งานแล้ว จะเป็นอีกก้าวสำคัญในการสนับสนุนนโยบายในการใช้พลังงานสะอาดและบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ให้เกิดขึ้นจริงอย่างยั่งยืน
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์