ในปี 2566-2568 BPP วางแผนเร่งสร้างการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอตามกลยุทธ์ Greener & Smarter โดยเน้นประสิทธิภาพและความต่อเนื่องของการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าและการบริหารจัดการต้นทุน สร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงเพื่อต่อยอดในพอร์ตโฟลิโอพลังงานที่สะอาดขึ้น ลงทุนในโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) ในตลาดที่มีความต้องการไฟฟ้าสูง ในขณะเดียวกันก็สร้างพลังร่วมภายในระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปูในการหาโอกาสการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างมูลค่าในห่วงโซ่อุปทานธุรกิจไฟฟ้าของบริษัทฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามหลักความยั่งยืน หรือ ESG ซึ่งประกอบด้วย สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ ซึ่งเห็นได้จากบทพิสูจน์ของบริษัทฯ ในการยึดมั่นเรื่องความยั่งยืน อาทิ ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และได้รับรางวัลต้นแบบองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน "Commended Sustainability Awards" จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPPกล่าวว่า "BPP ยังคงมองหาโอกาสในการขยายการเติบโตไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งนอกเหนือจากการประสบความสำเร็จในการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I แล้ว BPP ยังพิจารณาขยายการลงทุนเพิ่มเติม เช่น ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าผ่านแพลตฟอร์มระบบกลาง (Energy Trading) และธุรกิจค้าปลีกไฟฟ้า โดยเป็นการผนึกพลังร่วมภายในระบบนิเวศของ BPP ด้วยการใช้ความรู้และทรัพยากรภายในองค์กร และข้อได้เปรียบในการบริหารจุดคุ้มทุนและกระจายความเสี่ยงด้านธุรกิจไฟฟ้าที่ครบวงจรครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน"
สำหรับธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานที่ดำเนินการโดยบ้านปู เน็กซ์ บริษัทฯ เน้นการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่ส่งเสริมศักยภาพและการเติบโต รวมถึงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ (New S-curve) อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้เพิ่มสัดส่วนการเข้าถือหุ้นในบริษัท ดูราเพาเวอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (Durapower) จากร้อยละ 47.68 เป็น ร้อยละ 65.10 ด้วยเงินลงทุน 70 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของธุรกิจแบตเตอรี่ให้แข็งแกร่งมากขึ้น
สำหรับภาพรวมปี 2565 BPP มีกำไรสุทธิ จำนวน 5,739 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 84 จากปีก่อน โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 9,124 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 162 จากปีก่อน เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้เต็มปีของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ที่สามารถขายไฟฟ้าในปริมาณและราคาที่ดี และการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนใน Sunseap ขณะเดียวกันโรงไฟฟ้า HPC และโรงไฟฟ้า BLCP มีความสามารถในการรักษาประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี โดยมีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor: EAF) สูงถึงร้อยละ 86 และร้อยละ 87 ตามลำดับ ส่งผลให้ BPP มีสถานะทางการเงินที่มั่นคงแข็งแกร่ง พร้อมต่อยอดการเติบโตของบริษัทฯ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น
"BPP พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโต โดยจะขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทาง "Triple E" ได้แก่ 1. Ecosystem: มุ่งสร้างเมกะวัตต์คุณภาพด้วยสมดุลของพอร์ตธุรกิจทั้งจากพลังงานความร้อน (Thermal Power Business) พลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) และเทคโนโลยีพลังงาน (Energy Technology) 2. Excellence: รักษาเสถียรภาพการผลิตควบคู่ไปกับประสิทธิภาพความพร้อมจ่ายไฟ (EAF) และเน้นการสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ และเพิ่มโอกาสทำกำไรในตลาดที่มีการเติบโตและมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง และ 3. ESG: ดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับหลักความยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ สู่เป้าหมายในการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า 5,300 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568" นายกิรณ กล่าวเสริม
ที่มา: เอบีเอ็ม คอนเนค