บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (LHFG) ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ "A-" จากเดิมที่ระดับ "BBB+" และเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น "Stable" หรือ "คงที่" จาก "Negative" หรือ "ลบ" โดยทริสเรทติ้งเห็นว่า การปรับเพิ่มขึ้นอันดับเครดิตดังกล่าวเป็นผลจากการประเมินสถานะของ LHFG ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของ CTBC Bank ธนาคารเอกชนอันดับ 1 ของไต้หวัน และเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ได้รับการ จัดอันดับเครดิตที่ระดับ "A/Stable" จาก S&P Global Ratings ซึ่ง LHFG มีบทบาทสำคัญในการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายทางกลยุทธ์ของ CTBC Bank ในการที่จะเป็นธนาคารชั้นนำในระดับภูมิภาคในทวีปเอเชีย
ด้านธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank) ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ "A" จากเดิมที่ระดับ "A-" และปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 เป็นระดับ "BBB+" จากเดิมที่ระดับ "BBB" และเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น "Stable" หรือ "คงที่" จาก "Negative" หรือ "ลบ" โดยทริสเรทติ้งเห็นว่า LH Bank เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่สร้างกำไรมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของกำไรสุทธิของกลุ่มในปี 2565 และขนาดสินทรัพย์รวมของ LH Bank คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 95% ของสินทรัพย์รวมของ LHFG โดยมีสินทรัพย์จำนวน 2.96 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 และมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Coverage Ratio) อยู่ที่ 221% ณ สิ้นปี 2565 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่อยู่ที่ 172% นอกจากนี้ ธนาคารมีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อไปยังกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และกลุ่มรายย่อยมากขึ้น และสามารถระดมเงินฝากจากลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 59% ของเงินฝากทั้งหมด ณ สิ้นปี 2565 จากระดับ 54% ณ สิ้นปี 2563 สำหรับความสามารถในการทำกำไร ธนาคารมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ย (Return on Average Assets - ROAA) อยู่ที่ 0.40% ในปี 2565 เพิ่มขึ้นจาก 0.28% ในปี 2564 และมีอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) ที่ดีขึ้นอยู่ที่ 2.27% จาก 2.25% ในปี 2564 รวมทั้ง ได้ประเมินสถานะสภาพคล่องจัดให้อยู่ในระดับที่เพียงพอ โดยอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่อง เพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรง (Liquidity Coverage Ratio - LCR) อยู่ที่ระดับ 132% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ระดับ 100% นอกจากนี้ทริสเรทติ้ง เห็นว่า LH Bank มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับขีดความสามารถในด้านดิจิทัล ซึ่งเป็นพัฒนาการที่ดีขึ้นโดยเทคโนยีใหม่ที่ LH Bank เปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้ คือ แอปพลิเคชันให้บริการทางการเงิน "LHB You" และแอปพลิเคชันให้บริการทางการลงทุน "Profita"
นายฉี ชิง-ฟู่ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ สะท้อนให้เห็นมุมมองเชิงบวกในศักยภาพด้านการดำเนินงานด้านดิจิทัล และด้านความแข็งแกร่งของฐานะการเงิน ในการแข่งขันและยกระดับการดำเนินงานที่ดีในอนาคต
ที่มา: ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์