อิทธิพลของการท่องเที่ยวต่ออุตสาหกรรมใกล้เคียง
มากกว่า 1 ใน 2 ของผู้บริโภคดิจิทัลในเมืองในประเทศไทยใช้บริการด้านการท่องเที่ยวออนไลน์อยู่แล้ว และหมวดหมู่นี้คาดว่าจะ เติบโต 22% เมื่อเทียบเป็นรายปี และ จะมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยถึง 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2568 ผู้เล่นในระบบนิเวศการเดินทางจึงไม่สามารถมองข้ามความสำคัญของการนำเสนอบริการดิจิทัลที่เปิดตลอดเวลา เรียบง่าย เป็นส่วนตัว และปลอดภัย
ในขณะเดียวกัน เทรนด์การค้นหาของ Google ยังบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมใกล้เคียงสามารถคว้าโอกาสจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกด้วย เห็นได้จากคำค้นหาเกี่ยวกับ "ประกันการเดินทาง" และ "การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์" ในประเทศไทย ซึ่งเติบโตขึ้นมากกว่า 900% และ 500% ตามลำดับ ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา สถาบันการเงินและผู้ให้บริการด้านสุขภาพจึงต้องหาวิธีนำเสนอข้อเสนอที่เหมาะกับนักเดินทางที่ต้องการความคุ้มครองมากขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดและมาเยือนประเทศไทยเพื่อจุดประสงค์หลักในการรับการรักษาพยาบาล[ ที่มา: ข้อมูลภายในของ Google จาก Google Trends การค้นหาที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางหรือการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2022 ถึง 11 มีนาคม 2023]
นอกจากนี้ คำค้นหาเกี่ยวกับ "gastronomy tourism" ในประเทศไทย ยังเติบโตมากกว่า 110% ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา[ ที่มา: ข้อมูลภายในของ Google จาก Google Trends การค้นหาที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางหรือการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2022 ถึง 11 มีนาคม 2023] จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้เล่นในอุตสาหกรรมอาหารที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีเป้าหมายหลักในการเดินทางเพื่อชิมและนำอาหารไทยต้นตำรับกลับบ้านไปทาน ได้ดีขึ้น
คุณเอพริล ศรีวิกรม์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Google Cloud กล่าวว่า "เมื่อเราพิจารณาผลกระทบทางเศรษฐกิจของการท่องเที่ยว เรามักจะเน้นที่การสนับสนุนจากส่วนหลัก เช่น การบินและที่พัก เป็นต้น แต่การวิเคราะห์ของเราได้ขยายขอบเขตสู่การเน้นย้ำถึงผลกระทบของการท่องเที่ยวที่มีผลต่อภาคส่วนอื่น ๆ ตั้งแต่บริการทางการเงิน การดูแลสุขภาพ ไปจนถึงการค้าปลีกและการขนส่ง เราจึงมุ่งมั่นที่จะเสริมศักยภาพให้กับองค์กรต่าง ๆ ในหลากหลายอุตสาหกรรม ผ่านความสามารถที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลอย่างชาญฉลาดเพื่อทำการตัดสินใจทางธุรกิจที่หลักแหลมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศแบบบูรณาการที่มอบประสบการณ์ผู้เยี่ยมชมระดับโลกอีกด้วย ทั้งนี้ ความร่วมมือของเรากับ ทอท., SKY และ EVme จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยข้อเสนอแบบดิจิทัลที่ปรับให้เป็นส่วนตัวและขับเคลื่อนโดยข้อมูลบนคลาวด์แบบเปิดที่ยืดหยุ่นและปลอดภัยของเรา ซึ่งต่อยอดมาจากการทำงานร่วมกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ และ Central Retail เพื่อสนับสนุนธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและจัดเลี้ยง รวมถึงบริษัทเอกชนด้านการแพทย์ขนาดใหญ่ในท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ต่อไป"
นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "การท่องเที่ยวจะยังคงเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ช่วยกระตุ้น GDP ที่สำคัญที่สุดของประเทศ และข้อมูลเชิงลึกจาก Google Cloud เหล่านี้สอดคล้องกับเป้าหมายของ ททท. ในการส่งเสริมความยั่งยืน และการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบรวมถึงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลทั่วทั้งอุตสาหกรรม และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันโดยรวมของการท่องเที่ยวไทย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ ทอท., SKY และ EVme ได้เข้าร่วมและสนับสนุนนวัตกรรมดิจิทัลในระดับแนวหน้า เราหวังว่าองค์กรท้องถิ่นจำนวนมากขึ้นจะสามารถใช้เครื่องมือใหม่ ๆ จากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Google Cloud เพื่อดึงดูดผู้บริโภคที่เข้าใจโลกดิจิทัลและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน และสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาแสวงหาประสบการณ์การเดินทางที่มีความหมายในประเทศไทย"
ก้าวไปข้างหน้าพร้อมการพื้นตัวของการท่องเที่ยวไทย
ความต้องการเดินทางทางอากาศขาเข้าในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างมาก เห็นได้จากปริมาณการค้นหาของ Google ในวันที่ 1 ตุลาคม 2565[ ที่มา: ข้อมูลภายในของ Google จาก Destination Insights with Google, การค้นหาที่ เกี่ยวข้องทางอากาศ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2022 ถึง 11 มีนาคม 2023] ซึ่งตรงกับวันที่ประเทศไทยประกาศยกเลิกข้อจำกัดด้านโควิด-19 ทั้งหมด พบว่ามีความต้องการขาเข้าเพิ่มขึ้น 386% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยการฟื้นตัวนี้ยังคงดำเนินต่อไปจนถึงเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งมีความต้องการขาเข้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 161% เมื่อเทียบเป็นรายปีจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ ความต้องการเดินทางทางอากาศขาออกจากประเทศไทยได้รับความต้องการที่เพิ่มขึ้น[ ที่มา: ข้อมูลภายในของ Google จาก Destination Insights with Google, การค้นหาที่ เกี่ยวข้องทางอากาศ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2022 ถึง 11 มีนาคม 2023] เช่นเดียวกัน โดยในวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ความต้องการเดินทางขาออกเพิ่มขึ้น 544% เมื่อเทียบเป็นรายปี การฟื้นตัวนี้ดำเนินต่อไปจนถึงเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งมีความต้องการดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากกว่า 187% เมื่อเทียบเป็นรายปีจนถึงปัจจุบัน
ดังนั้น เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารขาเข้าและขาออกของท่าอากาศยานนานาชาติ 6 แห่ง (สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต และหาดใหญ่) ทาง ทอท. และพันธมิตร SKY ผู้ให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีการบินชั้นนำ จึงได้ย้ายอสังหาริมทรัพย์ดิจิทัลของ ทอท. ไปยังโครงสร้างพื้นฐานแบบเปิดที่ปรับขนาดได้และปลอดภัยของ Google Cloud
ด้วยเหตุนี้ ทอท. จึงเริ่มใช้ประโยชน์จากความสามารถในการปรับขนาดอัตโนมัติแบบไดนามิกของ Google Cloud ซึ่งช่วยให้ระบบไอทีที่สนับสนุน บริการการบินภาคพื้นดิน และแอปพลิเคชันมือถือ SAWASDEE by AOT ให้สามารถจัดการภาระงานปกติได้มากถึง 10 เท่า พร้อมทั้งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่น และยังปรับขนาดลงเองได้อัตโนมัติเพื่อลดต้นทุนในช่วงที่ไม่ต้องการทรัพยากรการประมวลผลเพิ่มเติมอีกต่อไป ทาง ทอท. และ SKY ได้เพิ่มขีดความสามารถในการรับและส่งข้อมูลอัปเดตตามเวลาจริงของข้อมูลสนามบินและเที่ยวบินไปยังผู้โดยสารหลายล้านคนได้ตามเวลาที่ต้องการ ผ่านการใช้บริการจัดการฐานข้อมูลของ Google Cloud เพื่อจำแนกและจัดเปลี่ยนข้อมูลภายในคลังต่าง ๆ ขององค์กร ซึ่งช่วยให้ผู้โดยสารหลายล้านคนได้รับข้อมูลสนามบินและเที่ยวบินตามเวลาจริง และเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตั้งแต่การเช็คอิน การตรวจคนเข้าเมือง การขึ้นเครื่อง ไปจนถึงการรับสัมภาระ
จากการที่ SKY ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน SAWASDEE by AOT ให้เป็น "Must Have Thailand Travel App" แบบ All-in-one ที่เป็นแอปพลิเคชันให้บริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ทางบริษัทจึงใช้ Google Kubernetes Engine (GKE) เพื่อทำให้การปรับใช้และอัปเกรดแอปพลิเคชันเป็นไปเองอัตโนมัติ โดยไม่เข้าไปรบกวนการทำงาน และด้วย GKE ทีมเทคโนโลยีของ SKY ยังสามารถลดภาระงานไอทีแบ็กเอนด์ที่ต้องใช้เวลานานไปกับการกำหนดค่าด้วยตนเอง และช่วยเร่งให้การเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ๆ หลายรายการที่ต้องทำเป็นประจำในแอปสามารถทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น การให้บริการติดตามสัมภาระเพื่อความอุ่นใจของนักเดินทาง รายการตรวจสอบการเดินทางขาออกพร้อมแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับการเดินทางที่ปลอดภัยและไม่ยุ่งยาก อีคอมเมิร์ซปลอดภาษี โปรแกรมรอยัลตีของสนามบิน คำแนะนำการเดินทางที่คัดสรรมาแล้ว การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และอื่น ๆ อีกมากมาย
นายกิตติพจน์ เวณุนันทน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานเทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสาร บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ในขณะที่อุตสาหกรรมการบินกำลังกลับมาฟื้นตัวจากผลกระทบในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัจจัยสำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจในช่วงระยะเวลาดังกล่าวคือการบริหารจัดการต้นทุนให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในองค์กร เช่นเดียวกับการที่ ทอท. ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท SKY และ Google Cloud นั้น ทำให้องค์กรได้มีการใช้งานระบบบริหารจัดการทางด้าน IT แบบอัตโนมัติควบคู่ไปกับแนวคิดการจัดการด้านนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ระบบ Google Cloud สามารถช่วยให้ ทอท. บริหารจัดการปริมาณข้อมูลจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความคล่องตัวสูง และยังช่วยเติมเต็มวิสัยทัศน์ (Vision) ขององค์กรในการผลักดันองค์กรสู่การเป็นผู้ดำเนินการและจัดการท่าอากาศยานที่ดีระดับโลก มุ่งเน้นคุณภาพการให้บริการโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและสร้างรายได้อย่างสมดุล และเป็นประตูสำหรับนักท่องเที่ยวและเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้โดยสารที่จะเดินทางมายังประเทศไทยต่อไป"
นายขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ผู้ให้บริการสนามบินจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับความท้าทายต่าง ๆ ท่ามกลางการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในขณะนี้ เช่น ยกระดับประสบการณ์การใช้บริการให้กับผู้โดยสาร และลดปัญหาติดขัดล่าช้าภายในสนามบิน ระบบไอทีและแพลตฟอร์มดิจิทัลซึ่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการดำเนินการต่าง ๆ ภายในสนามบิน จึงถือเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญต่อการให้บริการลูกค้าในทุกมิติ ในฐานะผู้ให้บริการเทคโนโลยีการบินชั้นนำของประเทศไทย SKY มุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับบริษัทที่มีแนวคิดเดียวกัน อย่าง Google Cloud เพื่อนำเสนอโซลูชันที่เชื่อถือได้มาช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และสร้างประโยชน์ให้กับสังคม ซึ่งหลักการแบบโอเพ่นซอร์สและการออกแบบที่ปลอดภัยของ Google Cloud จะช่วยให้เราสามารถผสานรวมเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างราบรื่น อาทิ ระบบนำทางภายในอาคาร ที่จอดรถอัจฉริยะ และไบโอเมตริกซ์ ตลอดจนการเข้ารหัสกระแสข้อมูลในระบบ เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลให้กับผู้ใช้งาน"
เส้นทางสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ปัจจุบันมีการตื่นตัวมากขึ้นเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยผู้คนได้นำปัจจัยด้านความยั่งยืนมาเป็นข้อพิจารณาหลักในการวางแผนการเดินทางของพวกเขา ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ข้อความค้นหาที่เกี่ยวข้องกับ "การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน" ในประเทศไทยขยับเพิ่มขึ้นมากกว่า 200%[ ที่มา: ข้อมูลภายในของ Google จาก Google Trends การค้นหาที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางหรือการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2022 ถึง 12 มีนาคม 2023] ขณะเดียวกัน มีผู้บริโภคยุคดิจิทัล เกือบ 4 ใน 10 รายในประเทศไทยออกมาประกาศว่ายินดีจ่ายมากขึ้นเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ยั่งยืน
ดังนั้น เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ EVme บริษัทในเครือของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)(PTT) กำลังสร้างแอปพลิเคชันไลฟ์สไตล์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สำหรับผู้บริโภคและธุรกิจทั้งหมดบน Google Cloud ซึ่งเป็น ระบบคลาวด์ที่สะอาดที่สุดในอุตสาหกรรม
EVme ยังได้ปรับใช้ การวิเคราะห์ขั้นสูง และ ระบบธุรกิจอัจฉริยะ ของ Google Cloud เพื่อให้พนักงานเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยฐานข้อมูล ซึ่งช่วยให้พวกเขาเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้นและมอบการโต้ตอบกับลูกค้าที่เป็นส่วนตัว สิ่งนี้ทำให้ EVme สามารถจัดสรรรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่าง ๆ สำหรับให้บริการรถเช่าได้ผ่านแอปพลิเคชันมือถือเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ช่วยให้ตัดสินใจติดตั้งสถานีชาร์จ EV สาธารณะเพิ่มเติมที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มได้ตรงกับความต้องการผู้บริโภค รวมถึงช่วยสร้างขีดความสามารถในการให้คำแนะนำอย่างรวดเร็วและให้ความช่วยเหลือลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นายจิระพงษ์ เลาขจร ประธานเจ้าหน้าที่การพาณิชย์ บริษัท อีวี มี พลัส จำกัด กล่าวว่า "แนวคิดของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและการเดินทางที่ยั่งยืนมีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง โดย EVme มีเป้าหมายในการสร้างประสบการณ์ 'การเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า' ให้กับคนไทยบนแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ทันสมัยในราคาที่เหมาะสม เราเดินหน้าผลักดันประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนฯต่ำ และการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ผ่านการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายในประเทศไทย เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากระบบการเดินทางทั้งในปัจจุบันและในอนาคตต่อชุมชนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศไทย สิ่งนี้ถือเป็นการตัดสินใจที่ชัดเจนของเราในการสร้างธุรกิจและเลือกดำเนินงานแพลตฟอร์มดิจิทัลของเราบนคลาวด์ข้อมูลแบบเปิดของ Google Cloud ซึ่งเป็นผู้นำด้านวิทยาการข้อมูล และ Google Cloud ยังเป็นผู้ให้บริการระบบคลาวด์เพียงรายเดียวที่ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานและบริการโดยใช้พลังงานหมุนเวียน 100% อีกด้วย"
ที่มา: สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์