คิวเอส ควัคควาเรลลี ซีมอนด์ส (QS Quacquarelli Symonds) สถาบันวิเคราะห์ข้อมูลด้านการอุดมศึกษาระดับโลก ได้ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกตามสาขาวิชา (QS World University Rankings by Subject) ครั้งที่ 13 โดยเปิดเผยรายชื่อมหาวิทยาลัยชั้นนำใน 54 สาขาวิชา ซึ่งรวมถึงสามสาขาวิชาใหม่ล่าสุดที่มีการจัดอันดับ ได้แก่ วิทยาการข้อมูล การตลาด และประวัติศาสตร์ศิลปะ
ผลการจัดอันดับนี้มาจากการวิเคราะห์เปรียบเทียบหลักสูตรระดับมหาวิทยาลัยจำนวนกว่า 15,700 หลักสูตร จากมหาวิทยาลัย 1,594 แห่ง ใน 93 ประเทศและดินแดน
การจัดอันดับสาขาวิชาโดยมุ่งเน้นนักศึกษาครั้งใหญ่ที่สุดนี้ ประกอบด้วยเกณฑ์การพิจารณา 5 ประการ ได้แก่ ความมีชื่อเสียงทางด้านวิชาการ (Academic Reputation) และทัศนคติของผู้จ้างงานต่อบัณฑิต (Employer Reputation) จากการสำรวจนักวิชาการ 151,000 คน และนายจ้าง 99,000 รายทั่วโลก, การอ้างอิงต่อผลงานวิจัย (Research Citations per Paper), ดัชนีเอช (H-index) และเครือข่ายการวิจัยระหว่างประเทศ (International Research Network) โดยการจัดอันดับนี้ถูกค้นหาข้อมูลมากกว่า 120 ล้านครั้งในปี 2565 บนเว็บไซต์ TopUniversities.com และถูกอ้างถึงโดยสื่อทั่วโลกมากกว่า 117,000 ครั้ง
คุณเบน โซวเทอร์ (Ben Sowter) รองประธานอาวุโสของคิวเอส กล่าวว่า "การจัดอันดับสาขาวิชาครั้งใหญ่ที่สุดของเรานั้น ช่วยให้มีความเข้าใจลึกซึ้งมากขึ้นเกี่ยวกับการบรรลุความเป็นเลิศด้านการอุดมศึกษาทั่วโลก โดยการลงทุนที่ตรงเป้าหมายอย่างต่อเนื่องและความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นเสาหลักสำคัญในการสร้างความก้าวหน้า นอกจากนี้ การปรับปรุงความสัมพันธ์กับอุตสาหกรรมยังมีความสัมพันธ์กับผลลัพธ์การจ้างงาน การวิจัย และการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ดีขึ้นอีกด้วย"
สหรัฐอเมริกามีจำนวนหลักสูตรที่ติด 10 อันดับแรกมากที่สุด (256 หลักสูตร) ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร 145 หลักสูตร และสวิตเซอร์แลนด์ 32 หลักสูตร นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกายังครองอันดับหนึ่งใน 32 สาขาวิชา โดยฮาร์วาร์ด (Harvard) รั้งอันดับหนึ่งใน 14 สาขาวิชา และสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) รั้งอันดับหนึ่งใน 11 สาขาวิชา
มหาวิทยาลัยของสหราชอาณาจักรครองตำแหน่งสูงสุดใน 15 สาขาวิชา โดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (University of Oxford) ครองอันดับหนึ่งใน 4 สาขาวิชา ในขณะที่เคมบริดจ์ (Cambridge), ยูนิเวอร์ซิตี คอลเลจ ลอนดอน (UCL) และราชวิทยาลัยศิลปะ (Royal College of Art) ต่างรั้งอันดับหนึ่งสถาบันละ 2 สาขาวิชา
ในยุโรปภาคพื้นทวีป สถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสในซูริก (ETH Zurich) เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำที่คว้าอันดับหนึ่งใน 3 สาขาวิชา หากพิจารณาเป็นรายประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ครองอันดับหนึ่งใน 4 สาขาวิชา ขณะที่เนเธอร์แลนด์เป็นผู้นำใน 2 สาขาวิชา และอิตาลีรั้งอันดับหนึ่งใน 1 สาขาวิชา
ออสเตรเลียครองอันดับ 4 ประเทศที่มีหลักสูตรติดอันดับมากที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในสามสถานที่วิจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดตามดัชนีเอช
จีน (แผ่นดินใหญ่) มีจำนวนหลักสูตรที่ติด 50 อันดับแรกมากเป็นอันดับ 5 ส่วนทางด้านอินเดียเป็นประเทศที่มีพัฒนาการสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย ด้วยผลการจัดอันดับโดยรวมดีขึ้น 17% ตรงกันข้ามกับญี่ปุ่นที่ยังคงตกต่ำทั้งระบบอย่างต่อเนื่อง โดยมหาวิทยาลัย 43% มีอันดับร่วงลง และมีเพียง 8% ที่อันดับดีขึ้น
มหาวิทยาลัยโทรอนโต (University of Toronto) ของแคนาดามีหลักสูตรที่ติด 50 อันดับแรกมากที่สุดในโลก คือ 48 หลักสูตร
มหาวิทยาลัยแห่งชิลี (Universidad de Chile) ได้รับการจัดอันดับสูงสุดในลาตินอเมริกา ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ - แร่และเหมืองแร่ (อันดับที่ 8) ด้านบราซิลเป็นประเทศที่มีหลักสูตรติดอันดับมากที่สุดในภูมิภาคลาตินอเมริกา โดยมี 291 หลักสูตร และติด 100 อันดับแรก รวม 55 หลักสูตร ในขณะที่เม็กซิโกมีหลักสูตรติด 20 อันดับแรกมากที่สุดในภูมิภาค (3 หลักสูตร)
แอฟริกาใต้ได้รับการจัดอันดับสูงสุดในภูมิภาคแอฟริกาใน 2 สาขา ได้แก่ วิศวกรรมแร่และเหมืองแร่ (Mineral & Mining Engineering) และพัฒนศึกษา (Development Studies) (อันดับที่ 12 ทั้งคู่)
โลโก้: https://mma.prnewswire.com/media/1503777/QS_World_University_Rankings_Logo.jpg