นางสาว นุจรีย์ เพชรรัตน์ ผู้อำนวยการกองนโยบายอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ชี้แจงแนวทางและมาตรการฯ เป็น 3 เรื่อง คือ การผลิต โครงสร้างพื้นฐาน และการใช้งาน
เป้าหมายการผลิตจะเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2025-2030 โดยรถที่ผลิตจะเป็นรถที่ใช้พลังงานแบบ ZEV (ณ ปัจจุบันคือ BEV และ FCEV) โดยมีตั้งแต่รถยนต์นั่ง รถกระบะ รถจักรยานยนต์ รถบัส รถบรรทุก สามล้อ เรือโดยสาร และรถไฟระบบราง
ส่วนโครงสร้างพื้นฐาน จะลงทุนพัฒนาโครงข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ ผ่านหน่วยงานและเครือข่ายพันธมิตร การพัฒนากฎระบบด้านการสื่อสาร ด้านความปลอดภัย และการติดตั้งให้สอดคล้อง รวมถึงการลดขั้นตอนการขออนุญาตให้สั้นลง และการพัฒนาแพลตฟอร์มและสมาร์ทกริด เพื่อบริหารจัดการข้อมูลระบบไฟฟ้า เข้าถึงประชาชนและประชาชนก็เข้าถึงได้ดี
ด้านการใช้งาน กระทรวงแรงงานส่งเสริมการใช้งานด้วยมาตรการด้านภาษีและไม่ใช่ภาษี ด้านภาษีได้แก่การขยายอัตราค่าไฟฟ้า Low Priority ไปจนถึงปี 2025 ครอบคลุมกลุ่มผู้ประกอบการสถานีอัดประจุสาธารณะ/พื้นที่ให้บริการเชิงพาณิชย์อื่นๆ และการขอมิเตอร์ตัวที่สองสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยอัตราค่าไฟฟ้าแบบ TOU สำหรับผู้ใช้งานแบบประชาชนทั่วไป ส่วนที่ไม่ใช่ภาษี คือ ปรับการขออนุญาต/เชื่อมต่อ สถานีอัดประจุไฟฟ้า เป็นแบบ One Stop Service และลดระยะเวลาเหลือไม่เกิน 15 วันทำการ รวมถึงเชื่อมโยงข้อมูล EV mapping เพื่อให้การบริการสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ www.eppo.go.th
ที่มา: คาร์แทรค เทคโนโลยี (ไทยแลนด์)