กองทุน SCBGTTG4 เป็นกองทุนรวมผสมที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เช่น US Tech, Semiconductors, Cybersecurity และ AI Boom โดยกองทุนมีเงื่อนไขการทริกเกอร์ที่แบ่งออกเป็น 2 ครั้งระหว่างทาง เพื่อช่วยลดความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น ภายใต้กรอบระยะเวลา 6 เดือน คือ ครั้งที่ (1) กรณี ณ วันทำการใด ที่มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนมีการปรับตัวมากกว่า/เท่ากับ 10.30 บาทต่อหน่วย เทียบเท่า 3% (ของมูลค่าที่ตราไว้ 10 บาท หรือเท่ากับ 0.3 บาทต่อหน่วย) บริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติเพียงครั้งเดียวนับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินของโครงการเป็นกองทุนรวม และ ครั้งที่ (2) ในกรณีเข้าเงื่อนไขการเลิกกองทุนโดยหาก ณ วันทำการใดก็ตามเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.62 บาทต่อหน่วย บริษัทจัดการจะพิจารณารับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติในอัตราไม่ต่ำกว่า 10.60 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนภายใน 5 วันทำการ นับแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และจะชำระเงินค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติภายใน 5 วันทำการนับแต่วันทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ โดยบริษัทจัดการขอสงวนสิทธินำเงินไปลงทุนต่อยังกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นหรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทจัดการ อย่างไรก็ตาม หากครบกำหนดระยะเวลา 6 เดือนนับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินของโครงการเป็นกองทุนรวมแล้ว ไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น บริษัทจัดการจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อ/ขาย/สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการซื้อขายหน่วยลงทุนที่บริษัทจัดการกำหนด จนกว่าจะเข้าเงื่อนไขการเลิกกองตามเงื่อนไขที่ระบุไว้
นางนันท์มนัสกล่าวเพิ่มเติมว่า "หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ มีการฟื้นตัวมาอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกด้านแผนการควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัทเทคฯ และการเร่งพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทฯ มองว่าหุ้นเทคฯ ที่คัดเลือกมาทั้ง 4 กลุ่ม ล้วนมีความสามารถด้านการแข่งขันทางตลาด โดยจะพบว่า หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี (US Tech) เป็นกลุ่มเดียวที่นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มการคาดกาณ์ผลการดำเนินงาน (Earnings reversions) เมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น โดยราคาหุ้นในกลุ่มนี้ได้ปรับตัวลงแรงในช่วงปีที่ผ่านมา จากปัจจัยกดดันด้านความกังวลของภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ปัจจุบันราคาหุ้นในกลุ่มมีอัตราส่วน P/E ที่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย อีกทั้ง การมาของ ChatGPT ได้ทำให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจในตลาด AI เพิ่มขึ้นอย่างมาก (AI Boom) จึงมีผลให้บริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในตลาด เร่งปรับตัวออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดย IDC หรือ Internet Data Center ได้คาดการณ์รายได้ทั่วโลกของตลาด AI จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 19% ต่อปี และประเมินว่าอาจแตะระดับ 9 แสนล้าน USD ในปี 2026 และส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคฯ อื่นๆ เช่น Semiconductors และ Cybersecurity มีแนวโน้มจะได้ประโยชน์เพิ่มเติมจากการมาของ AI โดยหุ้นเทคฯ กลุ่ม Semiconductors ได้รับปัจจัยบวกจากการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์สื่อสาร ในขณะที่หุ้นเทคฯ กลุ่ม Cybersecurity ได้รับปัจจัยบวกจากการที่ผู้บริหารองค์การล้วนตระหนักถึงความสำคัญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ จึงมีการเพิ่มงบลงทุนในส่วนนี้ในอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 13% จึงเป็นช่วงที่จังหวะเหมาะสมต่อการเข้าซื้อหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูง ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเข้าใกล้จุดสูงสุด เพื่อหาโอกาสสร้างผลตอบแทนได้"
ที่มา: หลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์