ตัวอย่างที่ถูกส่งมอบเป็นของฝาก สำหรับคณะผู้มาเยือนในครั้งนี้ คือ กุเลาเกลือหวานปัตตานีน้ำหนักเกือบครึ่งกิโลกรัม บรรจุในแพ็คเกจอย่างสวยงาม ภายใต้แบรนด์ อานิตา บ้านหนองจิก รศ.ดร. ซุกรี หะยีสาแม หัวหน้าโครงการวิจัยจาก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เปิดเผยว่า อ่าวปัตตานีเป็นแหล่งปลากุเลาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ปลากุเลาในบ้านเราจะมี2 ชนิด ที่ปัตตานีเป็นปลากุเลาหนวดสี่เส้น เป็นกุเลาประจำถิ่น ไม่ได้เดินทางไปไหน ตัวไม่ใหญ่ แต่เนื้อจะมันกว่า อีกชนิดเป็นปลากุเลาตัวใหญ่ ถ้าจะให้แนะนำกินปลากุเลาตัวเล็กจะดีกว่าตัวใหญ่ "ผมทานประจำ ที่บ้านต้องมีกุเลาติดบ้านไว้คิดอะไรไม่ออกง่ายที่สุดคือ ข้าวสวยร้อนๆ กินกับกุเลา จะทอดแล้วบีบมะนาวนิดหน่อยน้ำลายไหลเลย วันนี้ที่มอบให้กับสื่อมวลชนเป็นแบรนด์ใหม่น้ำหนักประมาณ4ขีด กิโลหนึ่งมีตั้งแต่ราคา800-1500 ตราอนิต้าเป็นของชาวบ้าน ที่บ้านตาลา อ. หนองจิก จ,ปัตตานี โดยชาวบ้านรวมกลุ่มกันทำปลากุเลา ให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ของปัตตานี ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อได้ทางออนไลน์ โดยเข้าไปดูในเพจ หรือ กูเกิล หรือ โทร 065-926-2052 "
รศ.ดร.ซุกรี กล่าวว่า เดิม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เข้าไปช่วยชาวบ้านพัฒนาเรื่องปลากุเลา ตอนนี้มีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยสนับสนุน รวมทั้งรัฐบาลเห็นความสำคัญ หลังจากเอเปคที่มีการนำปลากุเลาตากใบไปโชว์ในเวทีระดับโลกในการประชุมเอเปค กุเลาตากใบซึ่งได้จีไอ ก็ผลิตไม่ทันไปช่วงหนึ่ง และพอเอเปคนำกุเลาไปทำเมนูอาหารก็ทำให้กุเลาเป็นที่รู้จักมากขึ้น เป็นการอัพเกรดปลากุเลาขึ้นมาได้อย่างมากจากอานิสงส์ของเอเปค ตอนนี้เรากำลังทำงานวิจัยด้านชีววิทยาเกี่ยวกับปลากุเลาร่วมกับฮ่องกง จะเป็นประโยชน์ในด้านการแปรรูปปลากุเลาและจะกลายเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านได้อย่างดี เพราะปริมาณปลากุเลาที่ปัตตานียีงมีปริมาณเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงเพราะวิถีชาวประมงจะเลือกใช้อวนตาใหญ่จับ ตัวหนึ่งจะมีขนาดประมาณ3-4 ขีด นอกจากนี้สูตรเกลือหวานก็เป็นแบรนด์ที่มีขายเฉพาะที่ปัตตานี ทำให้รสชาติไม่เค็มแบบคมแต่จะเค็มแบบกลมกล่อม เกลือหวานจะมีธาตุที่เป็นองค์ประกอบไม่เหมือนที่อื่น ขอแนะนำเมนูที่ง่ายที่สุด หั่นปลากุเลาเป็นชิ้นบางๆ ทอดเอาขึ้นมาหั่นพริกหัวหอม บีบมะนาว กินกับข้าวต้มหรือข้าวสวย หรือจะเป็นคะน้าปลาเค็มก็สุดยอด ข้าวผัดก็อร่อย ปลากุเลาเป็นสินค้าที่คนซื้อไม่ได้กินคนกินไม่ได้ซื้อ เพราะเป็นของฝากเสียมากกว่า อยากให้ทุกคนได้ลิ้มลอง ปลากุเลาเกลือหวาน อะนิต้า ของฝากจากนักวิจัยที่มอบให้นะครับ
ที่มา: สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ