ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ หรือ BLC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพอย่างครบวงจรของประเทศไทย โดยดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกลุ่มยาสามัญแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นๆ อย่างครบวงจร ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งกระบวนการออกแบบและพัฒนาสูตรตำรับยาตามหลักการเภสัชกรรม การคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ การควบคุมและตรวจสอบขั้นตอนการผลิตตามมาตรฐาน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยและได้คุณภาพในระดับสากล ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้สามารถเข้าถึงยาที่มีคุณภาพดี
ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ 'มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรม พร้อมทั้งใช้ความรู้ด้านภูมิปัญญาไทยเข้ามาบูรณาการ ขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้วยเทคโนโลยีเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย' เพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยแบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาและกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้าด้านสุขภาพ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) กลุ่มผลิตภัณฑ์ยา (Pharmaceuticals) ผลิตและจัดจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้าบริษัทฯ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญและยาสามัญใหม่ (Generic Drugs and New Generic Drugs) ผลิตตามสูตรยาต้นตำรับ (Original Drug) หรือยาจดสิทธิบัตร (Patented Drug) ที่หมดอายุการคุ้มครองแล้ว เช่น กลุ่มยารักษากระดูกและข้อ ผิวหนัง ทางเดินอาหาร และทางเดินหายใจ เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร (Herbal Medicines) ผลิตจากวัตถุดิบที่หาได้จากภายในประเทศ เช่น พริก ไพล กระชายดำ ว่านหางจระเข้ เป็นต้น สำหรับผู้บริโภคที่ใช้ในการรักษาโดยการแพทย์ทางเลือก ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ (Animal Medicines) เน้นผลิตเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์เศรษฐกิจ เพื่อรักษาโรคติดเชื้อที่จะเกิดขึ้นในฟาร์มปศุสัตว์
2) กลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ (Other health-related products) ประกอบด้วย เครื่องสำอาง (Cosmetics) ผลิตและจัดจำหน่ายเวชสำอางสำหรับบำรุงผิวหน้าและผิวกาย ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ และรับจ้างผลิตให้กับบริษัทหรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการทำสินค้าของตนเองในลักษณะ OEM ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Food Supplement) ผลิตและจัดจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงข้อต่อ กล้ามเนื้อ กระดูก และบำรุงสายตา ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้แก่ เจลหล่อลื่น สเปรย์ฉีดกันยุง โดยจัดจำหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน ร้านขายยาชั้นนำ โมเดิร์นเทรด และช่องทางออนไลน์ ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อให้คนไทยได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ อย่างทั่วถึง
"เราดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพ และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีทางสังคมและเศรษฐกิจให้กับประชาชนไทย ด้วยความเชื่อที่ว่าสุขภาพที่ดีเป็นบ่อเกิดของการสร้างรอยยิ้ม และจะเป็นสะพานที่นำไปสู่ความสุขที่ยั่งยืนได้ในอนาคต เราจึงให้ความสำคัญในการวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์พร้อมทั้งส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของประเทศไทย รองรับเทรนด์การดูแลสุขภาพในอนาคต และขับเคลื่อนการเติบโตอุตสาหกรรมยาของประเทศไทยในอนาคต"ภก.สุวิทย์ กล่าว
ภก.ศุภชัย สายบัว ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการ บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ หรือ BLC) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของงานวิจัยที่มีต่ออุตสาหกรรมยาจึงจัดตั้งศูนย์วิจัย BLC เพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ รวมถึงถ่ายทอดเทคโนโลยีจากหน่วยงานวิจัยต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อมุ่งเน้นผลิตยาสามัญชื่อใหม่ (New Generic Drugs) ควบคู่กับการวิจัยและพัฒนาสารสกัดจากสมุนไพร ด้วยกระบวนการผลิตภายใต้มาตรฐานระดับสากล เช่น GMP, ISO9001, ISO/IEC17025, ISO22000, GHP และ HACCP ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนการผลิตและการควบคุมคุณภาพ โดยนำเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามามีส่วนช่วยในทุกๆ ขั้นตอน เช่น เครื่อง High Performance Liquid Chromatography (HPLC) ซึ่งใช้ในการตรวจสอบคุณภาพส่วนผสม เครื่องทดสอบการละลาย เครื่องตรวจจับโลหะ เพื่อช่วยให้คนไทยเข้าถึงยาและการรักษาได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงลดการพึ่งพิงการนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาหรือนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยาของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ภก.สมชัย พิสพหุธาร ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ หรือ BLC) กล่าวว่า ภาพรวมรายได้จากการขายในปี 2562 - 2564 ทำได้ 1,202.0 ล้านบาท, 1,105.3 ล้านบาท, 1,108.3 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้จากการขายในปี 2563 ลดลง 96.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นการลดลง 8.0% เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ที่กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงมาตรการการควบคุมโรคระบาดของรัฐบาล และเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในปี 2564 ตามมาการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคของรัฐบาล และอัตราการได้รับวัคซีนของประชาชนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ ทำได้ 0.7 ล้านบาท 13.7 ล้านบาท 51.1 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่งวดผลการดำเนินงาน 9 เดือนของปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 938.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดของ COVID-19 ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมของรัฐบาล ทำให้กลุ่มลูกค้าร้านขายยา และสถานเสริมความงามกลับมาดำเนินการได้อย่างปกติ
ส่งผลให้สินค้าของบริษัทฯ เกือบทุกประเภทมีรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น และช่วยสนับสนุนกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 87.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 463.4% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยมาจากการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น ต้นทุนทางการเงินลดลงอย่างต่อเนื่อง และสิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ทำให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลบางส่วน
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย