เอสโตเนียเป็นแนวในหน้าด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงวงการแพทย์ และเป็นประเทศแรกที่ดำเนินโครงการไลฟ์เซฟเวอร์ ด้วยวิสัยทัศน์ระยะกลางถึงระยะยาวในการเพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองของระบบการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศ
โครงการนี้เกิดขึ้นเพื่อปรับปรุงและสนับสนุนระบบบริการสุขภาพทั่วโลกให้ทันสมัย หลังจากที่ระบบบริการสุขภาพจำนวนมากต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอันเนื่องมาจากโรคระบาด โครงการนี้ได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงคนเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อมอบผลการรักษาที่ดีขึ้นและช่วยชีวิตคนได้มากขึ้น
โครงการทางการแพทย์นี้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยการปรับปรุงผลลัพธ์ให้เหมาะสม และสร้างการเข้าถึงระบบ EMS ได้อย่างเท่าเทียมไม่ว่าผู้ป่วยจะอยู่ ณ ที่ใดของประเทศ ด้วยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และปรับปรุงขั้นตอนต่าง ๆ ของระบบ EMS ให้เหมาะสมเพื่อรับประกันประสิทธิภาพในการให้บริการ
นิค ปีเตอร์ส (Nick Peters) ประธานและซีอีโอกลุ่มงานบริการภาครัฐ (Government Services) ของอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส แสดงความคิดเห็นว่า "ด้วยประสบการณ์ 37 ปี พวกเราที่อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยของผู้คนเป็นอันดับแรก และต้องมั่นใจได้ว่าผู้ที่ต้องการการดูแลจะได้รับการดูแลในระดับสูงสุดและมีคุณภาพสูงสุด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา งานส่วนใหญ่ของเราเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐในภาคสาธารณสุขและในบริบททางวัฒนธรรมที่หลากหลาย ซึ่งการเป็นพันธมิตรกับแอร์บัสในโครงการไลฟ์เซฟเวอร์นี้เป็นการสานต่อและต่อยอดการดำเนินการดังกล่าว เราและแอร์บัสมีความยินดีที่ได้ร่วมงานกับรัฐบาลเอสโตเนียในการเปิดตัวโครงการไลฟ์เซฟเวอร์เพื่อยกระดับขีดความสามารถของระบบ EMS ของประเทศ"
บัลคิซ ซาริฮาน (Balkiz Sarihan) หัวหน้าฝ่ายการเคลื่อนย้ายทางอากาศในเขตเมือง (Urban Air Mobility) ของแอร์บัส กล่าวว่า "ไลฟ์เซฟเวอร์เป็นวิธีการหนึ่งที่พวกเราชาวแอร์บัสกำลังดำเนินการเพื่อพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินยุคใหม่ร่วมกับอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส และเครือข่ายพันธมิตรผู้ประกอบการและบุคลากรทางการแพทย์ที่เรามีอยู่ เราจะสามารถอำนวยความสะดวกในการปรับปรุงขั้นตอนการช่วยชีวิตด้วยการเข้าไปมีส่วนร่วมกับการทำงานในระบบนิเวศ ในฐานะประเทศที่มีชื่อเสียงด้านนวัตกรรม เอสโตเนียมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับการเปิดตัวโครงการนี้ และเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ขยายกรอบการทำงานนี้เพิ่มเติม โดยอาศัยขีดความสามารถของเอสโตเนียในด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล"
จูนัส แวนโต (Joonas Vaento) ผู้อำนวยการองค์กรส่งเสริมการลงทุนเอสโตเนีย (Invest Estonia) กล่าวเสริมว่า "เป้าหมายของเรากับไลฟ์เซฟเวอร์คือ การปรับปรุงผลลัพธ์ด้านการพยาบาลผู้ป่วย และสิทธิประโยชน์ทางสังคมสำหรับชาวเอสโตเนีย นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับเราที่จะได้เผยแพร่สิ่งที่เอสโตเนียนำเสนอในแง่ของนวัตกรรม การนำเทคโนโลยีมาใช้ในสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายถือเป็นกรณีตัวอย่างที่ชัดเจนของแนวทางปฏิบัติซึ่งประเทศอื่น ๆ สามารถเรียนรู้เพื่อนำไปปรับใช้กับระบบ EMS ของตนเองได้"
โครงการไลฟ์เซฟเวอร์มอบประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ เช่น ลดระยะเวลาที่ผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินไปถึงที่เกิดเหตุ สร้างความเท่าเทียมให้กับระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินทั่วทุกภูมิภาคของประเทศทั้งในตัวเมืองและพื้นที่ห่างไกล และเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายโลจิสติกส์ของประเทศ
เกี่ยวกับบริษัทกลุ่มบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส
กลุ่มบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส เป็นผู้นำในการให้บริการความช่วยเหลือด้านการแพทย์และความมั่นคงปลอดภัยแก่พนักงานขององค์การต่าง ๆ ทั่วโลก ด้วยนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของบุคลากรทางแพทย์และความมั่นคงปลอดภัยของอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอส การบริการของบริษัท ฯ ช่วยป้องกันและบริหารความเสี่ยงให้แก่องค์กร ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่าง ๆ เช่น สภาพอากาศที่เลวร้าย โรคระบาด ภาวะวิกฤตด้านความมั่นคงปลอดภัย เราให้บริการความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีเพื่อให้คุณอุ่นใจและปลอดภัย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นภาวะปกติหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน บริการของอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส ช่วยให้องค์กรมีความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจและเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน
อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอสก่อตั้งในปี 2528 ปัจจุบันให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรทั่วโลกมากกว่า 12,000 บริษัท ได้แก่ รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ องค์กรข้ามชาติ องค์กรขนาดกลาง สถาบันการศึกษาและหน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไร บริษัทฯ มีพนักงานมากกว่า 13,000 คนทั่วโลก ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งประจำอยู่ที่สำนักงานและไซต์งานมากกว่า 1,000 แห่งใน 90 ประเทศ ที่ยืนเคียงข้างคุณเพื่อให้ความช่วยเหลือทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดทั้งปี
ดูแลพนักงานของคุณวันนี้ ติดต่อเราได้ที่: www.internationalsos.com