นายพิศณุ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SVT ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ภายใต้แบรนด์ SUN Vending เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ได้มีมติ 100% อนุมัติการจัดสรรเงินกำไรเพื่อเป็นเงินทุนสำรองตามกฎหมาย 5% จากกำไรสุทธิประจำปี 2565 เป็นจำนวนเงิน 4.3 ล้านบาท และการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท สำหรับหุ้นสามัญจำนวน 700 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นจำนวนเงินปันผลทั้งสิ้น 35 ล้านบาท โดยได้กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ไปแล้วเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าเพิ่มศักยภาพและขยายธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในพื้นที่เปิดเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน รวมถึงมีแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 2 แห่ง ในภาคตะวันออกฉียงเหนือและภาคใต้ อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีการเปิดให้บริการแอปพลิเคชัน SUN V ซึ่งเป็นแอปพลิเคชัน Loyalty Program ระบบสมาชิกสะสมแต้ม รองรับการใช้บริการซื้อสินค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าของ SUN Vending เพื่อสร้างความสะดวกและเพิ่มทางเลือกการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้กับผู้บริโภคยุคสังคมไร้เงินสด หรือ การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
"จากแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ และมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาประเทศไทยเพิ่มมากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจ SVT ให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเช่นกัน ประกอบกับ SVT มีโรงงานปรับปรุงสภาพและประกอบ (Refurbishment) เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติของตนเอง จึงช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจลงเป็นอย่างมาก พร้อมทั้ง SVT มีสาขากระจายสินค้า จำนวน 15 แห่ง แบ่งเป็นสาขาหลัก จำนวน 13 แห่ง และสาขาย่อยอีก จำนวน 2 แห่ง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ให้บริการกว่า 30 จังหวัดทั่วประเทศ ดังนั้น SVT จึงวางเป้าหมายการเติบโตปีนี้ไว้ที่ประมาณ 10% เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนให้ได้เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน" นายพิศณุ กล่าว
ส่วนกลุ่มลูกค้าหลักของ SVT นั้น แบ่งเป็น กลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเช่น โรงงานประกอบรถยนต์ โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ โรงงานสิ่งทอ โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น และกลุ่มลูกค้ารอง ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ ออฟฟิศสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีนโยบายกระจายความเสี่ยง โดยขยายพื้นที่ให้บริการไปยังกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น ปั๊มน้ำมัน สถานีรถไฟฟ้า เช่น MRT BTS และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ คอนโดมิเนียม เป็นต้น เพื่อให้สอดรับกับ Life Style ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในยุค New Normal
ที่มา: เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น