คณะฯ ได้พบกับประธานสภาหอการค้าอิตาลี (Unioncamere) จัดสัมมนาเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจในอีอีซีโดยมีผู้บริหารของบริษัทในอิตาลีเข้าร่วม 30 ราย คณะฯ ได้พบกับผู้บริหารสถาบันการเงินสำหรับการลงทุน เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่อีอีซีระยะที่ 2 โดยกลุ่มนักลงทุนอิตาลีให้ความสนใจพื้นที่อีอีซีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน เมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ อุตสาหกรรมดิจิทัล ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์ และพลังงานสะอาด รวมทั้งได้พบกับผู้บริหารระดับสูง (CEO) บริษัทเลโอนาร์โด (Leonardo S.p.A) ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกในด้านเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ อุตสาหกรรมด้านอวกาศ และเทคโนโลยีด้านการรักษาความปลอดภัยชั้นสูง เพื่อชักชวนให้ขยายการลงทุนเพิ่มเติมในพื้นที่อีอีซี เช่นในด้านระบบบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ ระบบบริหารจัดการท่าอากาศยาน เป็นต้น
นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้หารือกับผู้บริหารของบริษัท ABB SACE S.p.A. ซึ่งมีศูนย์แห่งความเป็นเลิศในด้านการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีขั้นสูงสู่อุตสาหกรรม 4.0 และได้พบกับผู้บริหารและเยี่ยมชมโรงงานของบริษัท Biomedica Foscana S.p.A. ที่มีการผลิตยาและบรรจุวัคซีน โดยได้แลกเปลี่ยนความรู้ข้อมูลด้านอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ยาและวัคซีน รวมทั้งผลักดันโอกาสการลงทุนด้านการแพทย์ชั้นสูงร่วมกันในอนาคตอีกด้วย นอกจากนี้ ยังได้จัดสัมมนาร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์แห่งอิตาลี (Farmindustria) โดยมี 15 บริษัทเข้าร่วม โดยคณะฯ ได้ให้ข้อมูลที่แสดงความพร้อมของประเทศไทย ในการเป็นฐานการผลิตยาและเวชภัณฑ์ให้กับภูมิภาค ส่งเสริมความร่วมมือด้านงานวิจัยทางการแพทย์ รวมไปถึงการพัฒนาต่อยอดในด้านการทดสอบทางคลินิก การผลิตยาที่มีความจำเพาะมากขึ้น
ทั้งนี้ คณะฯ ได้เชิญให้บริษัทเอกชนอิตาลีที่สนใจ เข้าร่วมการประชุมระดับสูงระหว่างอาเซียนและอิตาลี ครั้งที่ 7 (7th High Level Dialogue on ASEAN Italy Economic Relations) ในประเทศไทย ที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยและอิตาลีจะเป็นผู้ร่วมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-4 ตุลาคม 2566 เข้าร่วมในกิจกรรมที่อีอีซีจะเสนอจัด โดยเฉพาะการเยี่ยมชมศูนย์วิจัยทางการแพทย์และเวชภัณฑ์ในไทย การเยี่ยมชมพื้นที่อีอีซี เพื่อแสวงหาโอกาสด้านการลงทุนและทำธุรกิจเป็นต้น
"สำหรับการจัดโรดโชว์ในครั้งนี้ อีอีซีได้เชิญเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย และเอกอัครราชทูตไทยประจำอิตาลีเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ถือเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย - อิตาลี ในโอกาสเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย - อิตาลีครบ 155 ปีในปีนี้ นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดความเชื่อมั่นด้านการลงทุนในไทยและต่อยอดการลงทุนจากนักลงทุนอิตาลีสู่ในพื้นที่อีอีซีอีกด้วย" นายจุฬากล่าว
อิตาลีเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยที่ 4 ในกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป รองจากเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ สำหรับมูลค่าการค้าในปี 2565 อยู่ที่ 4,908 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 13.34* ส่วนการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในหมวดกิจการผลิตเครื่องยนต์สำหรับรถจักรยานยนต์ กิจการผลิตสัตว์น้ำแช่แข็ง และอุตสาหกรรมอื่นๆ
ที่มา: โมเดิร์นเทียร์