ในปี 2565 ไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ มีรายได้รวม 2.938 หมื่นล้านหยวน (4.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 56.05% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยกำไรสุทธิที่เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นสูงถึง 945 ล้านหยวน (136.52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 2,332.31% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนกำไรสุทธิไม่รวมกำไรและขาดทุนรายการพิเศษ อยู่ที่ 1.026 พันล้านหยวน (148.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 258.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี
กำลังการผลิตโมดูลเซลล์แสงอาทิตย์ต่อปีของไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ อยู่ที่ 25 กิกะวัตต์ ในปี 2565 ส่วนใหญ่มาจากฐานการผลิตในเมืองหนิงโปและเมืองอี้อูในมณฑลเจ้อเจียง เมืองจินถานในมณฑลเจียงซู เมืองฉูโจวในมณฑลอานฮุย เมืองเปาโถวในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน และมาเลเซีย
ส่งเสริมนวัตกรรม R&D และสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมแบบบูรณาการ
ในปี 2565 ไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ ได้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมล่าสุด นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงพลังของโมดูล PERC แบบโมโนคริสตัลไลน์ประสิทธิภาพสูงขนาด 210 มม. ให้สูงสุดที่ 670Wp รวมถึงพลังของโมดูลท็อปคอน (TOPCon) สู่ระดับสูงสุด 690Wp และพลังของโมดูลเฮเทอโรจังก์ชันสูงสูด 740Wp
บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์กลุ่ม BIPV ที่ออกแบบมาสำหรับหลังคาอาคารพาณิชย์และอาคารทั่วไป รองรับสถานการณ์การใช้งานที่หลากหลาย
ในแง่ของการวิจัยและพัฒนาที่เป็นนวัตกรรมนั้น ไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ ได้ใช้เทคโนโลยีเซลล์ HJT ประสิทธิภาพสูง ซึ่งให้ประสิทธิภาพการแปลงสูงถึง 25.5%
ในขณะนี้ ไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ กำลังผลักดันโครงการสำคัญหลายโครงการ ซึ่งรวมถึงเซลล์และโมดูลเฮเทอโรจังก์ชันคาร์บอนต่ำพิเศษประสิทธิภาพสูงชนิด 5 กิกะวัตต์แบบเอ็นไทป์ (n-type) และโครงการโมดูลเซลล์แสงอาทิตย์ประสิทธิภาพสูงขนาด 10 กิกะวัตต์ ในเมืองหนิงไห่ มณฑลเจ้อเจียง โครงการเซลล์แสงอาทิตย์ประสิทธิภาพสูงขนาด 4 กิกะวัตต์ และโมดูลเซลล์แสงอาทิตย์ประสิทธิภาพสูงขนาด 6 กิกะวัตต์ในเมืองจินถาน มณฑลเจียงซู และโครงการเซลล์แสงอาทิตย์ประสิทธิภาพสูง 10 กิกะวัตต์ต่อปี ในเมืองฉูโจว มณฑลอานฮุย
ไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ กล่าวว่า "ปี 2565 เป็นปีที่ประสบความสำเร็จสำหรับไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ เนื่องจากเรามุ่งเน้นที่จะขับเคลื่อนโลกด้วยคุณภาพที่เหนือกว่าและผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่คุ้มราคา ไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ จะยังคงเสริมความแข็งแกร่งให้กับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของธุรกิจกักเก็บพลังงานของเรา เพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น และสร้างเค้าโครงอุตสาหกรรมแบบบูรณาการ เพื่อยกระดับความสามารถในการให้บริการและความประหยัดจากขนาด (economies of scale)"