โดยรายได้ในช่วงไตรมาส 1/2566 มีปัจจัยบวกมาจากรายได้จากการขายไฟฟ้าและไอน้ำของโรงไฟฟ้าบาง-ปะอิน โคเจนเนอเรชั่น (BIC) ที่เพิ่มขึ้น 161 ล้านบาทหรือร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาก๊าซที่เพิ่มสูงขึ้นตามสถานการณ์ในตลาดโลก รวมถึงการประกาศปรับเพิ่มค่า Ft ขายปลีกโดยภาครัฐ ขณะที่รายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 (NN2) ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย เนื่องจากมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ณ ต้นปีต่ำกว่าปีก่อน และมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บ-น้ำในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงประกาศความพร้อมจ่ายไฟฟ้าอย่างระมัดระวัง เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงต่อการผลิตไฟฟ้าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ที่โดยปกติจะเป็นช่วงฤดูแล้ง
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 1/2566 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพิ่มขึ้นเป็น 2,324 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 121 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.5 ส่วนใหญ่จะเป็นค่าเชื้อเพลิงของ BIC ที่เพิ่มขึ้น 86 ล้านบาท ประกอบกับมีค่าดำเนินการและซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้นจากงานซ่อมบำรุงใหญ่ (Major Overhaul) ของ NN2 จำนวน 37 ล้านบาท รวมถึง บริษัทฯ มีการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี (XPCL) จากปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลงตามปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายทางการเงินของ XPCL ที่เพิ่มขึ้นตามแนวโน้มดอกเบี้ยโลก ทำให้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนรวม 152 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 104 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2566
สำหรับฐานะทางการเงินของ CKPower ยังคงแข็งแกร่ง โดยหนี้สินรวมลดลงร้อยละ 3.0 จากสิ้นปี 2565 จากการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดของ NN2 ในเดือนมีนาคม 2566 ทั้งนี้เมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ CKPower ที่อันดับ "A" แนวโน้มอันดับเครดิต "คงที่" พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ทุกชุดของบริษัทที่อันดับ "A-" แนวโน้มอันดับเครดิต "คงที่"
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า แม้ในไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทฯ จะมีผลการดำเนินงานที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคหลายด้าน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เพิ่มจากค่าเชื้อเพลิงและการซ่อมบำรุงใหญ่ แต่ CKPower มีข่าวดีสำหรับผู้ถือหุ้น โดยเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.085 บาท เป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 691 ล้านบาท โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามที่ปรากฏชื่อ ณ วันกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้
"บริษัทได้มุ่งเน้นบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีกระแสเงินสดสำรองเพียงพอ รับมือกับปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้ทั้งในเรื่องของค่าเชื้อเพลิง ปริมาณน้ำ และอัตราดอกเบี้ย โดยแนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี น่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นหลังจากเริ่มเห็นของปริมาณน้ำในช่วงตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนอีกครั้ง" นายธนวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
ในด้านการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัทมีผลงานโดดเด่นในช่วงปีที่ผ่านมาคือ การได้รับรางวัล Most Sustainable Hydro Power Company in Thailand จากงาน The Global Economics Awards 2022 จัดโดยนิตยสาร The Global Economics Magazine ซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินงานอย่างยั่งยืนในมิติโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ รวมถึงรางวัล Best Green Bond Hydropower Plant Framework - Thailand จากงาน The International Finance Awards 2022 จัดโดยนิตยสาร The International Finance Magazine ที่แสดงถึงการจำหน่ายหุ้นกู้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำของบริษัทฯ ที่เป็นไปตามมาตรฐานระดับสากล และรางวัล ESG Corporate Awards 2022 ประเภท Platinum จากนิตยสาร The Asset แสดงถึงการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนและคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายในมิติของ ESG ที่ได้มาตรฐานระดับสากล ซึ่งรางวัลทั้งหมดนี้ ตอกย้ำภาพการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี
สำหรับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินธุรกิจนั้น ไตรมาสที่ผ่านมา CKPower โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในเครือของ CKPower สามารถหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Avoided GHG Emission) จำนวน 780,709.83 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG emissions) ภายในปี 2593
ที่มา: ซีเค พาวเวอร์