"WHAUP"โชว์งบไตรมาส1/2566 ฟอร์มดีตามนัด กำไรปกติโต 230 % รับอานิสงส์ธุรกิจไฟฟ้าฟื้น

ศุกร์ ๑๒ พฤษภาคม ๒๐๒๓ ๐๘:๓๖
บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ ("WHAUP") โชว์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2566 มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติ 813 ล้านบาท และกำไรปกติ 229 ล้านบาท รับอานิสงส์ค่า Ft ปรับเพิ่มสะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิง ด้าน CEO "สมเกียรติ เมสันธสุวรรณ" ย้ำพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ Renewable Energy เพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศ

บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ("WHAUP") แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงผลการดำเนินงานโดยรวมงวดไตรมาส 1/2566 โดยบริษัทฯ รับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติ จำนวน 813 ล้านบาท และมีกำไรปกติ (Normalized Net Profit) 229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34 % และ 230 % ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า SPP ที่เพิ่มขึ้น จากการที่ค่า Ft ได้ปรับขึ้นให้สะท้อนต้นทุนก๊าซธรรมชาติและภาระต้นทุนคงค้างของ กฟผ. ทำให้อัตรากำไรในส่วนของไฟฟ้าที่จำหน่ายให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมฟื้นตัว ในขณะที่บริษัทฯมีกำไรสุทธิซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 229% จากปีก่อน

นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ ("WHAUP") เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานธุรกิจสาธารณูปโภค ในงวดไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีปริมาณการจำหน่ายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมกันเท่ากับ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปี 2565 โดยภาพรวมปริมาณจำหน่ายและบริหารน้ำในประเทศลดลงร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันจากปีก่อน เนื่องจากลูกค้ารายใหญ่บางส่วนมีการหยุดซ่อมบำรุง ทำให้ความต้องการใช้น้ำอุตสาหกรรมลดลง อย่างไรก็ตามยังคงเห็นการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องในส่วนของความต้องการใช้น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value added product) ไม่ว่าจะเป็นน้ำปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) และน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water)

ขณะที่ธุรกิจน้ำในเวียดนามงวดไตรมาส 1/2566 ยังคงส่งสัญญาณการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มียอดจำหน่ายน้ำรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 15 จากปริมาณการจำหน่ายน้ำของโครงการ Duong River ที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศของเวียดนาม และการขยายฐานลูกค้าและพื้นที่ในการให้บริการน้ำประปาที่ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากการที่ภาครัฐของเวียดนามอนุมัติให้มีการปรับราคาขายน้ำเพิ่มขึ้นตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา

ด้าน ธุรกิจพลังงาน บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าในไตรมาส 1/2566 จำนวน 190 ล้านบาทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 177% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของส่วนแบ่งกำไรจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP เนื่องจากค่า Ft ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นเพื่อสะท้อนต้นทุนก๊าซธรรมชาติและภาระต้นทุนคงค้างของ กฟผ มาอยู่ที่ 1.549 บาทต่อหน่วย ทำให้ในส่วนของการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น

ในส่วนของธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ รับรู้รายได้ทั้งสิ้น 111 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113 % จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินเชิงพาณิชย์ โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินเชิงพาณิชย์แล้วรวม 94 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ในไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ ได้มีการเซ็นต์สัญญาซื้อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบ Private PPA เพิ่มจำนวน 10 สัญญา คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมประมาณ 16 เมกะวัตต์ ทำให้ ณ ไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีจำนวนสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการ Private PPA จากพลังงานแสงอาทิตย์สะสมจำนวน 149 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) รวมทั้งหมดจากโรงไฟฟ้าทุกประเภทตามสัดส่วนการถือหุ้นจำนวน 699 เมกะวัตต์

นายสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนโครงการใหม่ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานจากขยะอุตสาหกรรม และพลังงานประเภทอื่นๆ เพื่อให้บรรลุเป้ายอดเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสะสมเพิ่มเป็น 300 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปี โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ให้ได้สิทธิ์เป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ระยะแรก (เฟส 1) สำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) จำนวน 5 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้ง (installed capacity) ตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญา PPA ได้ภายในปีนี้และมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในช่วงปี 2572 - 2573

"WHAUP ยังคงความมุ่งมั่นด้านการลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยเน้นการใช้นวัตกรรมโซลูชั่นต่าง ๆ เพื่อพัฒนาสินค้า และบริการให้ตอบสนองต่อความต้องการของทุกกลุ่มเป้าหมาย และยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจพร้อมกับการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนร่วมกันกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย โดยให้ความสำคัญทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล"

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 ที่ 0.1600 บาทต่อหุ้น แบ่งเป็นเงินปันผลระหว่างกาลที่ได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้นไปแล้ว เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2565 จำนวน 0.0600 บาทต่อหุ้น และอนุมัติจ่ายปันผลเพิ่มเติมอีก 0.1000 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 ตอกย้ำถึงศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงิน และเป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ

ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ