บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) เสิร์ฟงบไตรมาส 1/2566 กวาดกำไรสุทธิ 38.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.91 ล้านบาท หรือ 107.37% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 18.54 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมแตะ 4,500 ล้านบาท รับอานิสงส์ปริมาณขายก๊าซ LPG ในประเทศพุ่ง รวมถึงปริมาณการส่งออกช่วยหนุน ฟาก ซีอีโอ "ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง" ส่งสัญญาณธุรกิจครึ่งปีแรกสดใสตามความต้องการใช้ก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน คงเป้ายอดขายก๊าซ LPG ทั้งในและต่างประเทศปีนี้ 800,000 ตัน เดินหน้าขยายลงทุนธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงาน มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตตามเป้าแตะ 17,000 ล้านบาท
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส1/2566 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566) ของบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 38.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.37% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 18.54 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 4,499.92 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 35.06% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 3,331.89 ล้านบาท
โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 4,450.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,165.54 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.48% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 3,285.14 ล้านบาท ส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 185.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.86 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14.81% ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 163.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.22% จากปีก่อนอยู่ที่ 135.20 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรสุทธิของบริษัทฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า Commercial ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 23.08% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ราคาก๊าซ LPG ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนที่ครอบคลุมถึง 165 แห่งทั่วประเทศ ทำให้สามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น
"บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะรักษาอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ไตรมาส และเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่ตั้งไว้ เนื่องจากบริษัทฯ มีความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งความต้องการใช้ก๊าซ LPG ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงราคาก๊าซ LPG ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยในแต่ละปีกลุ่มบริษัทจะมี EBITDA เฉลี่ยประมาณ 500-600 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการดำเนินงานและขยายธุรกิจในอนาคต"
สำหรับภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีแรกของปีนี้ เชื่อว่าสามารถขยายตัวอยู่ในทิศทางดี ซึ่งการเติบโต ยังคงมาจากธุรกิจก๊าซ LPG ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้มั่นใจยอดขายปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 800,000 ตัน แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศจำนวน 775,000 ตัน และส่งออก จำนวน 25,000 ตัน ส่วนรายได้รวมคาดว่าเติบโตไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท
ขณะที่การลงทุนในธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ปัจจุบันธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปได้เซ็นสัญญาลูกค้าไปแล้ว 8 เมกะวัตต์ โดยบริษัทฯ ยังคงเป้ากำลังการผลิตรวมทั้งหมดอยู่ที่ 20 เมกะวัตต์ ภายในปี 2566 นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจพลังงานทดแทนหรือการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะอยู่ใน Trend การเติบโตในอนาคต เพื่อขยายธุรกิจและสร้างผลตอบแทนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ที่มา: ไออาร์เน็ตเวิร์ค