บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง' หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อย โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 ทำกำไรสุทธิ 175 ล้านบาท เติบโต 6.2% และขยายสาขาครบ 100 แห่งตามเป้า ช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น หนุนพอร์ตสินเชื่อรวม 11,127 ล้านบาท เติบโต 20% พร้อมประเมินไตรมาส 2 แนวโน้มความต้องการสินเชื่อในภาคการเกษตรเพิ่มต่อเนื่อง รับจังหวะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลเพาะปลูก เดินหน้าขยายผลิตภัณฑ์สินเชื่อโซลาร์รูปท็อป มั่นใจทั้งปีพอร์ตสินเชื่อแตะ 13,500 ล้านบาท
นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยภายใต้แบรนด์ 'ศักดิ์สยามลิสซิ่ง' เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 (มกราคม - มีนาคม 2566 ) บริษัทฯ ประสบความความสำเร็จอย่างสูง โดยมีกำไรสุทธิ 175 ล้านบาท เติบโต 6.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 164 ล้านบาท ส่วนรายได้รวม 637.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.9 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากบริษัทฯ ขยายสาขาใหม่ครบ 100 แห่ง เป็นไปตามเป้าหมาย ส่งผลให้มีสาขาให้บริการทั้งสิ้น 1,029 แห่ง จากเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 929 แห่ง ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นและช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้จึงส่งผลดีต่อภาพรวมพอร์ตสินเชื่อโดยรวมในไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 11,127 ล้านบาท เติบโต 20% โดยสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน 8,965 ล้านบาท โดยมีสัดส่วน 80.6% สินเชื่อส่วนบุคคลที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน 281 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.5% สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ 1,300 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11.7% และสินเชื่อเช่าซื้อ 569 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5.1% สินเชื่อที่ดิน 10 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 0.1% และสินเชื่อเพื่อการติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อปสำหรับที่อยู่อาศัย 2 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 0.02% ของพอร์ตสินเชื่อรวม นอกจากนี้ SAK ยังสามารถบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยควบคุมหนี้ NPLs ให้อยู่ในระดับ 2.5% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2.3%
ส่วนแนวโน้มความต้องการสินเชื่อในไตรมาส 2 ประเมินว่าจะมีอัตราการเติบโตตามทิศทางเศรษฐกิจและปัจจัยบวกจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลเพาะปลูก โดยเกษตรกรเป็นฐานลูกค้าหลักซึ่งมีความต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อลงทุนทำเกษตรกรรมในช่วงเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้สินเชื่อโซลาร์ รูฟท็อปสำหรับที่อยู่อาศัย เริ่มเป็นที่ต้องการของประชาชนเพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้น จึงมีแนวโน้มหันมาติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป สำหรับที่อยู่อาศัย เพื่อประหยัดไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัทฯ พร้อมมอบสินเชื่อเพื่อสนับสนุนผู้ที่ต้องการเงินทุนเพื่อประกอบอาชีพและหมุนเวียนในด้านต่างๆ ภายใต้การพิจารณาสินเชื่อที่รัดกุมเพื่อบริหารความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยศักยภาพการขยายสินเชื่อหลากหลายยิ่งขึ้น บริษัทฯ มั่นใจว่าผลดำเนินงานปี 2566 เป็นไปตามเป้าหมาย โดยพอร์ตสินเชื่อทั้งปีแตะ 13,500 ล้านบาท เติบโต 25% จากปีที่ผ่านมาพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 10,800 ล้านบาท
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย