ซึ่งเป็นความร่วมมือทางวิชาการไทย-ญี่ปุ่น โดย วว. และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้รับอนุมัติสนับสนุนงบประมาณจาก กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ (TICA) และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency , JICA) มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลการดำเนินงานวิจัยแก่ประเทศในกลุ่มอาเซียนจำนวน 5 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา มาเลเซีย เมียนมาร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยมีระยะเวลาการอบรม 3 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม - 2 มิถุนายน 2566
อนึ่งประเทศสมาชิกอาเซียน (AMS) มีประชากรเพิ่มขึ้นประมาณ 16% ภายใน 10 ปี และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตมากกว่า 5% ต่อปีในช่วงปี 2557 - 2568 การเติบโตทางเศรษฐกิจได้ส่งผลให้ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ AMS เป็นส่วนหนึ่งของระบบพลังงานโลกที่มีพลวัตมากที่สุด โดยมีความต้องการเพิ่มขึ้น 60% ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันคิดเป็น 5% ของความต้องการทั่วโลกทั้งหมด และจะเพิ่มขึ้นเป็น 7.5% ภายในปี 2568 โดยการจัดหาพลังงานใน AMS ส่วนใหญ่ เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งในภูมิภาคนี้มีทรัพยากรเชื้อเพลิงฟอสซิลในท้องถิ่นไม่เพียงพอต่อความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งของเชื้อเพลิงฟอสซิลที่นำเข้าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลกระทบด้านความมั่นคงทางพลังงานที่สำคัญ และความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากฟอสซิล จะเพิ่มผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานจะเพิ่มขึ้น 61% และจะมีปริมาณมากกว่า 2.2 Gt ต่อปีในปี 2568 โดยปัจจุบัน AMS พยายามปรับสมดุลของพลังงาน รวมถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้พลังงานหมุนเวียน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หลายประเทศได้เปิดตัวนโยบายและมาตรการเพื่อส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนจากทรัพยากรในท้องถิ่น เพื่อลดการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิล ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานในระดับชาติและระดับภูมิภาค แม้ AMS จะมีทรัพยากรแต่ยังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ เนื่องจากขาดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในบางประเทศ ดังนั้นการอบรมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
นำเสนอข่าวโดย กองประชาสัมพันธ์ สำนักสื่อสารองค์กร วว. โทร. 0 2577 9360 E-mail : [email protected] Line@tistr IG : tistr_ig YouTube / TIKTOK :@tistr2506
ที่มา: สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย