นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 198 บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 206 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1/2566 พบ บจ. รายงานกำไรสุทธิจำนวน 142 บริษัท คิดเป็น 72% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 ของ บจ. mai เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 52,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% ต้นทุนขาย 40,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เนื่องจาก บจ. สามารถควบคุมต้นทุนได้ดี ทำให้กำไรจากการดำเนินอยู่ที่ 3,293 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และมีกำไรสุทธิรวม 2,153 ล้านบาท ลดลง 32% เนื่องจากในไตรมาส 1/2565 บจ. มีฐานสูงจากการขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 และมี บจ. ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมมีกำไรจากรายการพิเศษมูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท ทั้งนี้ หากตัดรายการพิเศษของทุกบริษัทออก กำไรสุทธิรวมเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 34%
"ไตรมาส 1/2566 บจ. ส่วนใหญ่มียอดขายเติบโตตามการฟื้นตัวภายในประเทศภายหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย นอกจากนี้ บจ. ใน mai สามารถควบคุมสัดส่วนต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายได้ดี ทำให้อัตราการทำกำไรของ บจ. เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมี 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงเติบโตทั้งยอดขาย กำไรจากการดำเนินงาน และกำไรสุทธิ ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มเทคโนโลยี" นายประพันธ์กล่าว
ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 324,302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และโครงสร้างเงินทุนรวมดีขึ้น โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 0.78 เท่า ลดลงจากเมื่อสิ้นปี 2565 ที่เท่ากับ 0.82 เท่า
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 206 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2566) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 484.95 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 479,383 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 2,973 ล้านบาทต่อวัน
ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ