พร้อมด้วยการเชื่อมโยงนักลงทุนสถาบันเข้ากับตลาดการลงทุนต่างประเทศ และ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร โดยมีผู้บรรยายระดับโลกจาก CME Group และตัวแทนจาก Exchange ต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น APEX,BMD, CME Group, Colt, CQG, ICE Futures Singapore, JPX และ SGX Group บรรยายเกี่ยวกับการพัฒนาตลาด Market outlook และสิ่งที่นักลงทุนควรระวัง
โดยการจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การนำเสนอ Financial Solution หรือ ทางเลือกผลิตภัณฑ์และบริการด้านการลทุนจากกลุ่มบริษัท PhillipCapital ที่ตอบสนองต่อความต้องการการลงทุน การนำเสนอภาพรวมและแนวโน้มเศรษฐกิจตลาดทุนและอนุพันธ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ ในปี 2023 อีกด้วย
คุณอภิศักดิ์ ว่องวานิช SVP - Head, Transaction Business เปิดเผยถึง จุดเด่นและข้อแตกต่างของงานในครั้งที่นี้ เมื่อเปรียบเทียบกับงานอื่นๆ หรือที่ผ่านมาว่า "หลักทรัพย์ฟิลลิปฯ เป็นโบรกเกอร์รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่จัดงานดังกล่าวเป็นปีที่ 3 แล้ว โดยจุดเด่นของงานคือ เป็นการรวมผู้แทนตลาดล่วงหน้า (Futures Exchange) ชั้นนำต่างๆ ของโลกไว้ในงานเดียวกัน เพื่อให้ข้อมูลอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ และมุมมองต่อเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ลงทุนสถาบันและผู้แทนองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าตลาดล่วงหน้าอย่างล้มหลามภายในงานจะได้รับฟังการบรรยายจากวิทยากรระดับโลกที่เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจในตลาดการเงินโลกโดยการระบุแนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่ ประเมินปัจจัยทางเศรษฐกิจ และคาดการณ์ผลกระทบต่อผู้ที่ซื้อขายในตลาดต่างๆ รวมถึงมุมมองจาก Trader ที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในด้านการลงทุน การจัดการกองทุน และกลยุทธ์องค์กรการมีพื้นที่ที่สามารถพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน และผู้แทนของตลาดล่วงหน้าร่วมเสวนาในหัวข้อ "What really will be buoying global growth in 2023?" และ "Fed Policies & The Chinese Rebound"
คุณ Erik Norland, Executive Director & Senior Economist of CME Group ยังเปิดเผยถึงหัวใจหลักของการจัดงานในครั้งนี้ว่า "มุมมองเศรษฐกิจ และโอกาสการลงทุน ในงาน Phillip Trading Symposium ได้มีการพูดถึงเรื่องภาพรวม Economic Outlook 2H2023 และรวมถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเศรษฐกิจมหภาค อาทิ ประเด็นเงินเฟ้อ, มุมมองของธนาคารกลางสหรัฐต่อการปรับดอกเบี้ย และประเด็นปัญหา Bank run ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังพูดถึงภาพรวมตลาดหุ้นในเอเชีย ซึ่งแตกต่างจากตลาดสหรัฐฯ นั้นและกำลังเผชิญกับคลื่นลม ผลกระทบเศรษฐกิจโลกโดยบริษัทจดทะเบียนในเอเชียไม่เพียงแต่ดำเนินการในหลายสกุลเงินเท่านั้น แต่หุ้นของพวกเขายังจดทะเบียนในสกุลเงินต่างๆ อีกด้วย สิ่งนี้ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก และสุดท้ายประเด็นภาพรวมของสินค้าโภคภัณฑ์ โดยรวมมีแนวโน้มปรับตัวไปในทิศทางที่ดี จากการฟื้นฟูของเศรษฐกิจจีน ซึ่งขับเคลื่อนสินค้าโภคภัณฑ์ในไตรมาสแรก อาทิ Industrial metals, Grains, Sugar, Oil Seeds และ Gold อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอน จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงเรื่องของมุมมองการป้องกันความเสี่ยง Hedgingความผันผวนของราคาสินค้าต่าง ๆ มีการเปลื่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและทำให้ควบคุมต้นทุนได้ยาก อีกหนึ่งช่องทางในการใช้สัญญาล่วงหน้ามาป้องกันความเสี่ยง โดยหลักการในการ Hedging ควรมีการป้องกันความเสี่ยงของราคาสินค้าไว้อย่างน้อย 30% ซึ่งไม่จำเป็นต้องป้องกันความเสี่ยง 100% ทั้งหมด อย่างไรก็ตามควรพิจาณาขีดความสามารถในการบริหารความเสี่ยงเป็นสำคัญด้วย"
เกี่ยวกับบริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป
กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (PhillipCapital) เริ่มก่อตั้งที่ประเทศสิงค์โปร์เมื่อปี พ.ศ. 2518 นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในฐานะนายหน้าซื้อขายหุ้น PhillipCapital ได้เติบโตเป็นบริษัทการเงินในเอเชียที่มีสาขาอยู่ 15 ประเทศทั่วโลก และ 1 ในนั้นคือบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) หรือ PST ได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 โดยนำเสนอบริการด้านการลงทุนแบบครบวงจรที่มีคุณภาพและนวัตกรรมอย่างเต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็น บริการซื้อขายหุ้น, บริการซื้อขายหน่วยลงทุน, บริการซื้อขายอนุพันธ์ และ บริการลงทุนต่างประเทศ และบริการอื่น ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการการลงทุนที่หลากหลายของลูกค้า ตั้งแต่ลูกค้ารายบุคคล ตลอดจนลูกค้าองค์กร/บริษัทและลูกค้าสถาบันการเงิน
ที่มา: CHOMPHOPR