"บางจากฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างช่องทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมา โดยคัดสรรผลผลิตจากเกษตรกร และผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ผลิตโดยกลุ่มชุมชนเพื่อนำมาเป็นของสมนาคุณลูกค้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในการนำผลิตภัณฑ์ชุมชนมาเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค เพื่อสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรไทย และสำหรับผลผลิตข้าวลดโลกร้อนในครั้งนี้ยังเป็นการช่วยรณรงค์เรื่องสภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ" นายสมชัยกล่าว
ข้าวลดโลกร้อน เป็นตัวอย่างที่สะท้อนผลสำเร็จของการปรับเปลี่ยนมุมมองและวิถีการทำนาแบบใหม่ของวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่เกษตรสมัยใหม่ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้การทำนาแบบเปียกสลับแห้งในโครงการไทยไรซ์ นามา (Thai Rice NAMA - Nationally Appropriate Mitigation Action) ภายใต้ความร่วมมือหลักระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน ประจำประเทศไทย (GIZ Thailand) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน โดยปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตข้าวรูปแบบใหม่ของชาวนา ใช้ 4 เทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดต้นทุน คือ 1) การปรับพื้นที่นาด้วยเลเซอร์ให้เรียบเสมอกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก 2) การจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง 3) การใช้ปุ๋ยในปริมาณที่เหมาะสม และ 4) การจัดการฟางและตอซังด้วยน้ำหมักแทนการเผา สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ คือ ก๊าซมีเทนและก๊าซไนตรัสออกไซด์ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ จากการวิจัยและติดตามผลของโครงการ ไทยไรซ์ นามา (Thai Rice NAMA) พบว่า การทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ราว 30% เทียบกับวิธีทำนาปกติ จึงเรียกว่า "นาข้าวลดโลกร้อน" ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการบริโภคที่จะช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อน ซึ่งกำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทุกภาคส่วน
ที่มา: บางจาก คอร์ปอเรชั่น