EXIM BANK จับมือ NEXI คุ้มครองความเสี่ยงให้ผู้ประกอบการไทย-ญี่ปุ่น ขยายการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับญี่ปุ่นและประเทศเป้าหมายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

พุธ ๐๗ มิถุนายน ๒๐๒๓ ๑๖:๐๗
ดร.พสุ โลหารชุน ประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) พร้อมด้วยนายโอบะ ยูอิจิ อุปทูตรักษาสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนา "EXIM Thailand and NEXI Collaboration: A New Chapter Begins" จัดโดย EXIM BANK ร่วมกับองค์กรรับประกันแห่งประเทศญี่ปุ่น (Nippon Export and Investment Insurance : NEXI) เพื่อสนับสนุนความรู้ โอกาส และเครื่องมือทางการเงินทั้งสินเชื่อและเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง โดยมีผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นจำนวนกว่า 100 คน เข้าร่วมงาน ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ด้านการค้าและการลงทุนในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง โดยมี ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และนางอารดา เฟื่องทอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมเป็นวิทยากร ณ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566

ประธานกรรมการ EXIM BANK เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะ สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เป็นตลาดใหม่ (New Frontiers) ที่มีศักยภาพสูงด้านการค้าและการลงทุน ด้วยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะแรงงานราคาถูก ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ จำนวนผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น การขยายตัวของชุมชนเมืองและการพัฒนาอุตสาหกรรม เสถียรภาพทางการเมือง และข้อตกลงการค้าเสรีระดับทวิภาคีและพหุภาคี ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดผู้ประกอบการจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกให้หลั่งไหลเข้าไปลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศ รวมถึงใช้ประเทศเหล่านี้เป็นฐานการผลิตสินค้าและดำเนินธุรกิจบริการ รองรับการอุปโภคบริโภคภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศที่สาม อาทิ จีนและอินเดีย โดยมีผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่เข้าไปเติมเต็มและเชื่อมโยงกับ Supply Chain การค้าโลก

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ก้าวใหม่ความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK และ NEXI ในโลกการค้ายุคใหม่มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือในการพัฒนาเครื่องมือทางการเงิน ทั้งบริการประกันการส่งออกและการลงทุน และการรับประกันต่อ เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศให้แก่ผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่น ขยายผลสู่การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในภูมิภาคเอเชียร่วมกัน ครอบคลุมการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค การพัฒนาทักษะและฝีมือแรงงาน ตลอดจนการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยี โดยทั้งสองหน่วยงานจะส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นมีความพร้อมที่จะเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจระหว่างประเทศได้มากขึ้นอย่างมั่นใจ โดยเฉพาะในตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ อาทิ ประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงซึ่งมีความคุ้นเคยกับวัฒนธรรมและพฤติกรรมผู้บริโภคในเอเชียที่คล้ายคลึงกัน EXIM BANK จะใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญของธนาคารในการส่งเสริมการส่งออกและการลงทุน โดยการเติมความรู้ โอกาสทางธุรกิจ และเงินทุน ตลอดจนเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ

จากการคาดการณ์ขององค์กรรับประกันชั้นนำของโลก โควิด-19 และสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ทำให้ธุรกิจล้มละลายเพิ่มสูงขึ้นกว่า 14% จากปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ SMEs ซึ่งมีอำนาจการต่อรองต่ำและเงินทุนหมุนเวียนไม่มากนัก จึงควรต้องบริหารความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้า โดยกระจายตลาดส่งออกไปยังตลาดที่ยังเติบโตหรือมีกำลังซื้อสูง เช่น ตลาดใหม่ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เอเชียใต้ เป็นต้น และใช้เครื่องมือทางการเงินในการบริหารจัดการความเสี่ยงดังกล่าว ทั้งนี้ EXIM BANK ได้ดำเนินธุรกิจให้บริการประกันการส่งออกตั้งแต่เปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการในปี 2537 มีปริมาณธุรกิจรับประกันการส่งออกสะสมจำนวน 1.82 ล้านล้านบาท ยอดจ่ายค่าสินไหมทดแทนจำนวนรวมประมาณ 1,400 ล้านบาท โดย 76% เกิดจากกรณีผู้ซื้อในต่างประเทศปฏิเสธการชำระเงินค่าสินค้า รองลงมาประมาณ 23% เกิดจากผู้ซื้อล้มละลาย และอีก 1% เกิดจากผู้ซื้อปฏิเสธการรับมอบสินค้า ประเทศที่มีมูลค่ายื่นขอรับสินไหมทดแทนสูงสุด ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ สินค้าที่มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนสูงสุด ได้แก่ ข้าว อัญมณีและเครื่องประดับ และอะลูมิเนียม

"ความร่วมมือกับ NEXI ในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งภารกิจของ EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังที่มุ่งดำเนินบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนา โดยขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ติดอาวุธให้ผู้ประกอบการไทยสามารถพัฒนาเป็นนักรบเศรษฐกิจในตลาดโลกได้มากขึ้น ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคเอเชีย ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม" ดร.รักษ์ กล่าว

ที่มา: ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ