ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง "ไทยพาร์เซิล" ผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าทั่วไทย เตรียมขายไอพีโอ 120 ล้านหุ้น-ระดมทุนรองรับการขยายธุรกิจ

พฤหัส ๐๘ มิถุนายน ๒๐๒๓ ๑๕:๒๘
ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง บมจ.ไทยพาร์เซิล (TPL) ผู้ให้บริการจัดส่งสินค้า หรือสิ่งของในประเทศไทย ทั้งสำหรับภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป รวมถึงให้บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง จ่อขายหุ้น IPO 120 ล้านหุ้น คิดเป็น 22.90% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้ว เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส 2/2566 ระดมทุนรองรับการขยายธุรกิจ โดยจะนำไปจัดหาที่ดินสำหรับก่อสร้างศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้าในแต่ละภูมิภาค ศูนย์กระจายสินค้าในเขต กทม. กองยานพาหนะ รถขนส่งแบบ EV สถานีชาร์จไฟฟ้าและอุปกรณ์ รวมถึงลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หวังเพิ่มศักยภาพผลักดันการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนของ TPL เป็นที่เรียบร้อย และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ในช่วงไตรมาส 2-3 ปีนี้

โดย TPLได้ยื่นเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering หรือ IPO) จำนวน120 ล้านหุ้นมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็น 22.90%ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจบริการ

นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL เปิดเผยว่า แผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการรุกขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนโครงการในอนาคต อีกทั้งการระดมทุนในครั้งนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดความสำเร็จของบริษัทอีกด้วย

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัทก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างสูงสุด ทำให้บริษัทสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม และสามารถเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่เข้ามาใช้บริการขนส่งสินค้าได้มากขึ้น ดังนั้นจึงมองหาโอกาสที่จะขยายขีดความสามารถในส่วนของศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้า รถขนส่ง และระบบการจัดการงานขนส่ง เพื่อให้สามารถรองรับจำนวนลูกค้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการให้สามารถบริการลูกค้าได้อย่างครบวงจรมากขึ้น

"สำหรับวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้ในการจัดหาที่ดินและก่อสร้างศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้าประจำภูมิภาค รวมถึงศูนย์กระจายสินค้าในเขต กทม. การซื้อยานพาหนะที่เป็นรถขนส่งแบบ EV การสร้างสถานีชาร์จไฟและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงการลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพสนับสนุนการเติบโตในอนาคตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน" นายภัทรลาภ กล่าวในที่สุด

บริษัทไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL ประกอบธุรกิจให้บริการจัดส่งสินค้าหรือสิ่งของในประเทศไทยทั้งสำหรับภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป รวมถึงให้บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของจากกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ให้สามารถประกอบธุรกิจขนส่งได้ โดยลักษณะการให้บริการหลักของบริษัท ได้แก่ การรับสินค้าหรือสิ่งของจากจุดบริการทั่วประเทศหรือรับจากลูกค้าโดยตรง แล้วรวบรวมมาคัดแยกที่จุดคัดแยกเพื่อนำไปส่งที่จุดหมายปลายทาง ซึ่งมีทั้งคลังสินค้า โรงงาน ร้านค้า หรือบ้านของลูกค้า รวมถึงสาขาของบริษัท และมีการให้บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง (Cash on Delivery: COD) โดยลูกค้าที่ใช้บริการกับบริษัทสามารถติดตามสินค้าที่จัดส่งได้จากระบบของบริษัท (Parcel Tracking) ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการการขนส่งที่บริษัทพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยบริหารจัดการการจัดส่งสินค้า โดยครอบคลุมตั้งแต่การรับสินค้า การออกบาร์โคด (Barcode) สำหรับตรวจสอบสถานะการจัดส่ง การบันทึกการจัดรถเพื่อรับและส่งสินค้า การบันทึกข้อมูลลูกค้าปลายทางและข้อมูลการเก็บเงินปลายทาง

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการให้บริการเสริม (Fulfillment) เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ลูกค้า ได้แก่ บริการจัดส่งคืนเอกสารการจัดส่งสินค้าสู่ลูกค้าต้นทาง (Proof of Delivery: POD) บริการห่อหุ้มสินค้าและจัดชุดสินค้าเพื่อเตรียมกระจาย (Packing) ซึ่งเป็นการให้บริการเสริมให้แก่กลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจในปัจจุบัน

สำหรับโครงสร้างรายได้ของกลุ่มบริษัทสามารถแบ่งได้ตามประเภทของการจัดส่ง ได้แก่ 1) การจัดส่งแบบธุรกิจถึงธุรกิจ (Business to Business: B2B) 2) การจัดส่งแบบบุคคลถึงบุคคล (Customer to Customer: C2C) และ 3) การจัดส่งแบบธุรกิจถึงบุคคล (Business to Customer: B2C)

ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21.11 ล้านบาท ขณะที่ในงวดไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 2.41 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.90%จากงวดเดียวกันปีก่อนเท่ากับ 18.04% และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 0.53 เท่า

ปัจจัยที่สนับสนุนให้งวดไตรมาส 1/2566 มีกำไรสูงขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการที่บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น ทั้งด้านการเติบโตของรายได้ในทุกกลุ่มลูกค้าและการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้นโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร รวมถึงรายได้จากการจำหน่ายยานพาหนะเก่าที่ปลดระวาง ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา: ไทยพาร์เซิล

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ