นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในครึ่งหลังปี 2566 เชื่อว่ามีโอกาสเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศในทุกกลุ่มลูกค้า รวมถึงแนวโน้มราคาก๊าซ LPG ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก โดยเฉพาะภาคครัวเรือนที่มีทิศทางฟื้นตัวอย่างชัดเจนตามความต้องการใช้มากขึ้น จึงถือเป็นสัญญาณที่ดีทำให้ธุรกิจขยายตัวได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
รวมทั้ง บริษัทฯ มีจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้สามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ขณะที่การลงทุนในธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) สามารถรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปได้มีการเซ็นสัญญาลูกค้าไปแล้วขนาดกำลังผลิต 8 เมกะวัตต์ โดยบริษัทฯ ยังคงเป้ากำลังการผลิตรวมทั้งหมดภายในปี 2566อยู่ที่ 20 เมกะวัตต์
"ธุรกิจจัดจำหน่ายก๊าซ LPG ยังคงเป็นธุรกิจหลักที่จะสร้างรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจพลังงานทดแทนหรือการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยตั้งงบลงทุนไว้กว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 300 ล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว LPG การลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน 500 ล้านบาท และการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ 200 ล้านบาท " นางสาวชมกมลกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะรักษาอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ไตรมาส และเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่ตั้งไว้ เนื่องจากบริษัทฯ มีความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งความต้องการใช้ก๊าซ LPG ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงราคาก๊าซ LPG ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้มั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะทำได้ตามเป้าที่ 800,000 ตัน แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศจำนวน 775,000 ตัน และส่งออก จำนวน 25,000 ตัน ซึ่งทำให้คาดว่ารายได้รวมจะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท
ที่มา: ไออาร์เน็ตเวิร์ค