สำหรับกองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Dividend Equity สะสมมูลค่า เป็นกองทุนที่ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล เน้นลงทุนในกองทุนหลัก คือ JPMorgan Global Dividend Fund - Class C (acc) USD เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ซึ่งจะลงทุนในตราสารทุนทั่วโลกรวมถึงตลาดเกิดใหม่ที่สร้างรายได้ในระดับสูงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 67 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนหลัก และสินทรัพย์ของกองทุนหลักอย่างน้อยร้อยละ 51 จะลงทุนในบริษัทที่มีคุณลักษณะด้านสิ่งแวดล้อมหรือสังคมในเชิงบวก ซึ่งเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติด้านธรรมาภิบาลที่วัดได้จากวิธีการให้คะแนน ESG ของผู้จัดการการลงทุน ซึ่งบริหารจัดการโดย J.P. Morgan Asset Management
ทั้งนี้ กระบวนการคัดเลือกหลักทรัพย์ใช้การวิเคราะห์โดยพิจารณาพื้นฐานบริษัท ไปอุตสาหกรรมและภาพรวมเศรษฐกิจ ตลอดจนเลือกลงทุนในบริษัทที่ให้ปันผลสม่ำเสมอ และบริษัทที่มีศักยภาพในการจ่ายปันผลที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการกระจายลงทุนประมาณ 40-90 บริษัท ในหมวดอุตสาหกรรมสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ กลุ่มยาและเทคโนโลยีการแพทย์ 9.9% , กลุ่มเทคโนโลยี Semi & Hardware 9.2% , กลุ่มธนาคาร 8.6% กลุ่มบริการการเงิน 8.1% และกลุ่มเทคโนโลยีและซอฟแวร์ 6.1% และมีสัดส่วนการลงทุนในสหรัฐ 55.3% ยุโรป 18.7% ตลาดเกิดใหม่ 8% สหรัฐราชอาณาจักร 6% (ณ วันที่ 30 เมษายน 2566)
"ในช่วงไตรมาสที่ 2 เราเริ่มเห็นหลายประเทศเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค(Technical Recession) ไปแล้วเช่น เยอรมัน หรือยุโรป และคาดว่าจะมีบางประเทศเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิคมากขึ้น ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนหลายกลุ่มถูกปรับลดลง อย่างไรก็ตามในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอน หุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูงกลับทำผลตอบแทนได้อย่างน่าสนใจ ขณะที่ปัจจุบันระดับมูลค่ารวมถึงอัตราการจ่ายเงินปันผลของหุ้นกลุ่มนี้อยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับอดีต จึงเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจะใช้หุ้นปันผลเป็นตัวรองรับความผันผวนที่เกิดขึ้น" นางสาวดารบุษป์ กล่าว
ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eastspring.co.th หรือโทร 1725 ในวันและเวลาทำการ หรือผ่านช่องทางการขายของบริษัทฯ หรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ที่มา: พีอาร์ดีดี