นิทรรศการ HAUS โดย วัลลภ หาญสันเทียะ ร่วมกับ กฤษฎา ผลไชย ณ Head High Second Floor จังหวัดเชียงใหม่

อังคาร ๒๐ มิถุนายน ๒๐๒๓ ๑๖:๐๕
HAUSนิทรรศการเดี่ยวโดยวัลลภ หาญสันเทียะ ร่วมกับกฤษฎา ผลไชยภัณฑารักษ์: เรนฮาร์ด เครสเนอร์ผู้ช่วยภัณฑารักษ์: จิรารัตน์ ไชยราช

15 กรกฏาคม - 26 สิงหาคม 2566
งานเปิดนิทรรศการ: วันเสาร์ที่ 15 กรกฏาคม เวลา 18:00 นาฬิกาเป็นต้นไป ณ Head High Second Floor จังหวัดเชียงใหม่

การใช้ชีวิตในฐานะคนส่วนน้อยในที่ที่ต่างถิ่นและห่างไกลจากบ้านเกิดของตัวเองนั้นเป็นอย่างไร ผู้คนในฐานะคนส่วนน้อยเหล่านี้มีความรู้สึกอย่างไร พวกเขาจะเอาตัวรอดได้อย่างไรโดยที่ไม่ต้องทิ้งอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ของตน สิ่งที่เชื่อมโยงพวกเขาคืออะไร วัฒนธรรมอาหารท้องถิ่นมีบทบาทส่วนร่วมด้วยหรือไม่ นี่เป็นแค่คำถามส่วนหนึ่งที่ คุณวัลลภ หาญสันเทียะ ถามในนิทรรศการ "HAUS" ของเขา

คำแถลงศิลปิน

บริบทที่เปลี่ยนแปลงไปของสังคมส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การแลกเปลี่ยนบทสนทนา เสมือนเป็นเครื่องมือช่วยสื่อสารเรื่องราวการสะท้อนรากฐานทางวัฒนธรรมเดิมบนพื้นที่ทางวัฒนธรรมอันแตกต่างออกไปของคนพลัดถิ่น และการสำรวจมุมมองต่อสถานการณ์ ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง จึงเป็นตัวแปรสำคัญของการรับรู้เชิงความคิดในมิติใหม่ การสอดแทรกกลิ่นอายของความเป็นพื้นเพเดิมผ่านอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ หรือแม้แต่การเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน ถือเป็นเรื่องจำเป็นต่อการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

ความหลากหลายทางวัฒนธรรมในพื้นที่มีจุดเชื่อมโยงกันทางประวัติศาสตร์ การค้าขาย เศรษฐกิจ การเมือง และอุตสาหกรรม ล้วนแล้วแต่เป็นรอยต่อของกลุ่มคนพลัดถิ่นทั้งสิ้น รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมทางอาหาร แสดงให้เห็นถึงการ "สร้างพื้นที่" ท่ามกลางบริบทข้ามชาติ ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมใหม่ คล้ายกับเป็นการเติมเต็มรสชาติที่โหยหาจากบ้านเกิด ชวนให้ย้อนรำลึกนึกถึงภาพจำในครั้งวันวาน

การจำลอง "ความทรงจำของคนพลัดถิ่น" (diasporic memory) ให้กับคนพลัดถิ่นหรือแม้กระทั่งการนำพาผู้ชมเข้าไปรวมสัมผัสถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมอันถูกทับซ้อน ถือว่าเป็นการสร้างประสบการณ์การรับรู้ในมิติ ให้ชวนคิดและตั้งคำถามต่อความเหลื่อมล้ำของสถานภาพทางสังคม

แนวคิด

ความรู้สึกทรงจำผ่านวงพาข้าวคือการจำลองบรรยากาศของการรับประทานอาหารร่วมกันของครอบครัว นำเสนอเสียงผ่านประสบการณ์ความทรงจำ ชวนให้ผู้คนเข้าสำรวจถึงความทรงจำเก่า

ถ้าหากพูดถึงครอบครัวผ่านวัฒนธรรมอาหาร ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องอาหารการกิน คือ เรื่องต้นๆ ที่ชวนทำให้รู้สึกนึกถึงความทรงจำเก่าหลายอย่าง บางครั้งคิดถึงคนในครอบครัว เพราะรสชาติอาหาร หรือบางครั้งจำเรื่องราวสำคัญผ่านรูปลักษณ์จากอาหารที่ได้กิน หรือแม้แต่บางครั้งก็ชวนให้กลับคิดถึงมวลบรรยากาศของ "วงพาข้าว" จากการที่มีมวลบรรยากาศรอบตัวเป็นปัจจัยประกอบขณะกินอาหาร และสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งนำพาให้มนุษย์ได้หวงแหนถึงความสัมพันธ์ อีกนัยหนึ่งรูปลักษณ์ของอาหารเองยังถูกใช้เป็นเครื่องมือสะท้อนถึงสถานะภาพของการเป็นมนุษย์

"พาข้าว" เป็นคำลาวอีสาน แปลว่า สำรับอาหาร วัฒนธรรมย่อยที่เชื่อมโยงให้มนุษย์ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ปัจจัยที่ใช้ปฏิสัมพันธ์ร่วมกันผ่านวัฒนธรรมการกิน สิ่งนี้เองไม่ได้เพียงเพื่อดำรงชีพเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงสถานภาพความเป็นมนุษย์ตามปัจจัยของโครงสร้างทางสังคมหลายอย่าง "พาข้าว" ถูกกล่าวผ่านวัฒนธรรมอาหารที่ยึดโยงกับตัวปัจเจกพื้นเพของศิลปิน ซึ่งเป็นคนลาวอีสาน นำเสนอเรื่องราวผ่านมุมมองว่า "เราต่างล้วนผ่านการกินอาหารกับครอบครัว" จึงชวนให้ย้อนกลับไปสำรวจความทรงจำเหล่านั้น และชวนตั้งคำถามถึงสถานะภาพทางสังคมกับการอิ่มท้องผ่านมิติของวัฒนธรรมอาหาร ไม่ใช่เพียงการมีอะไรก็กินๆ ไปเพื่ออิ่มท้อง แต่ยังได้ชวนสำรวจถึงโครงสร้างสร้างสังคมที่มีผลต่อการเลือกสรรอาหาร

"เสียง" ถูกนำเสนอผ่านพาข้าว คือ การใช้เสียงเพื่อสร้าง sound scape เสียงที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงแค่หยิบยกนำเสนอผ่านวัฒนธรรมการกินเท่านั้น ยังถูกนำเสนอผ่านบริบทของความเชื่อทียั่วล้อไปกับความโครงสร้างสังคม เสมือนวาทกรรมแช่แข็งความยากจน ความเชื่อทางจิตวิญญาณที่เห็นชัดคือการบูชาผี(ในความเชื่อลาวอีสาน ผีสามารถมีได้ทั้งดีและไม่ดี ผีที่ดีคือเป็นได้ทั้งเทวดาและเทพ ผีไม่ดีคือจำพวกอสูรกาย) ด้วยพื้นเพดังกล่าวจากความทรงจำเห็นมาตลอดว่าวัฒนธรรมอาหารอยู่ในทุกๆ พิธีกรรม จึงได้ใช้เสียงสร้างมวลบรรยากาศ จำลองบริบทระหว่างสำรับอาหารกับมนุษย์ เพื่อเชื่อมโยงผู้คนเข้าสำรวจถึงพื้นที่ความทรงจำ และขยายขอบเขตมิติของประสบการณ์ผ่านวัฒนธรรมอาหารและจิตวิญญาณ

ประวัติศิลปิน

วัลลภ หาญสันเทียะ
เกิดเมื่อ 2521 ที่จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย
ปัจจุบันพำนักและทำงานที่เชียงใหม่

วัลลภสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสาขาจิตรกรรม ภาควิชาทัศนศิลป์ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เขามุ่งสนใจในด้านความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ ผ่านการสังเกตสิ่งรอบตัวในชีวิตประจำวัน งานของเขาจึงเน้นอธิบายเรื่องราวผ่านผลงานจิตรกรรม รวมไปถึงการนำเสนอผลงานออกมาในรูปแบบที่หลากหลายเพื่อสะท้อนมุมมองความจริงและข้อเท็จจริงบางส่วนผ่านงานศิลปะ จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพถ่าย สื่อผสม และศิลปะการจัดวาง ล้วนเป็นเทคนิคที่ถูกหยิบนำมาใช้ในงานของวัลลภ ผลงานที่น่าจดจำของเขา อาทิ ในปี พ.ศ. 2566 สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพจัดงานประติมากรรมของเขา นำเสนอผลงานภายในสวนของ Residence de France ในโครงการระดับโลกรวมถึงงานศิลปะในสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยและร่วมแสดงกลุ่มนิทรรศการ Laboratory 88: The AiR We Breathe ณ Studio 88 Artist Residency ดอยสะเก็ต นิทรรศการ THE PRESENCE OF SILENCE ณ แกลเลอรี่ ซีสเคป นิทรรศการ Against the Wall: กำแพง - ความคิด ณ Numthong Art Space ประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2565 นิทรรศการกลุ่ม พบพักตร์ พิศภาพ: ความทรงจำผ่านใบหน้าในชุดผลงานสะสมของพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยใหม่เอี่ยม | Face to Face ประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2564 ได้รับการคัดเลือกแสดงผลงานวีดิโออาร์ตในเทศกาล Shinano Primitive Sense Art Festival 2021 - The Fleeting Moment of Water ณ ประเทศญี่ปุ่น นิทรรศการเดี่ยว CLOUDS ณ The Golden Triangle Hang Dong จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงนิทรรศการ "Art For Air" เพื่อลมหายใจเดียวกัน ซึ่งเป็นความร่วมมือกับสภาลมหายใจ รวบรวมความร่วมมือจากนักสร้างสรรค์ และศิลปิน เพื่อร่วมโครงการศิลปะในพื้นที่สาธารณะรอบเมืองเชียงใหม่ และได้รับโอกาสร่วมแสดงในนิทรรศการ 'Shine Landscape 2020 Award' ณ M.A.D.S. Milano ประเทศอิตาลี (พ.ศ. 2562) นิทรรศการ "CELL NUTURE" ณ The Golden Triangle Chicago ประเทศสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2562) วัลลภยังคงทำงานศิลปะอย่างต่อเนื่องในฐานะศิลปินอิสระ จากการทำงานวิพากษ์วิจารณ์ และสะท้อนถึงปัญหาทางสังคม วัฒนธรรม การเมือง สิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องยาวนาน

กฤษฎา ผลไชย ศิลปิน "เสียง" ในภาคอีสาน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสาขาทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปัจจุบันทำงานกับกลุ่มศิลปินในอีสานสองกลุ่มหลัก คือ Mahasarakham Mid-field Artspace (หอสิน กธม) จ.มหาสารคาม, Ubon agenda จ.อุบลราชธานี
เขามีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวของเสียงอันหลากหลาย ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และเสียงที่ถูกประดิษฐ์ขึ้น รวมทั้งวัฒนธรรมของคนอีสานเป็นอย่างมาก เขามักนำเสนอผลงานจากประสบการณ์เคยได้รับฟังมา หรือแม้แต่การหยิบเอาสิ่งที่อยู่รอบตัวนำมาสร้างเป็นผลงานเสียง กระบวนการดังกล่าวถูกนำเสนอผ่านการใช้เสียงดนตรี ซึ่งเป็นเทคนิคหนึ่งของเสียงบำบัด โดยอ้างอิงจากพิธีกรรมทางอีสานที่เรียกว่า "รำผีฟ้า" เป็นพิธีกรรมรักษาผู้ป่วยแบบ sound therapy การทำพิธีกรรมมีการเล่นดนตรีและลำกลอน เพื่อรักษาสภาพจิตใจของผู้ป่วย พิธีกรรมนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของความสนใจพื้นฐานต่อการประดิษฐ์เสียงที่เชื่อมโยงกับพื้นเพและวัฒนธรรมย่อย การเลียนแบบเสียงธรรมชาติ การสร้างเสียงจากการทดลอง ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องของความบันเทิงเพียงอย่างเดียว แต่เขากลับมองถึงการเล่าเรื่องราว การให้คุณประโยชน์กับผู้ฟัง ความสนใจดังกล่าวยังถูกนำไปการประยุกต์ใช้ในยุคสมัยใหม่ให้เข้ากับวัฒนธรรมดั้งเดิม เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้สูญหายไปจากสังคม

ที่มา: โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์ (ประเทศไทย)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ