บลจ.กรุงศรี มองจีนน่าลงทุน จากคาดการณ์ GDP เติบโตสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก พร้อมปัจจัยหนุนทั้งจากปัจจัยพื้นฐาน ทั้งขนาดเศรษฐกิจ ประชากร การบริโภค การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และนโยบายภาครัฐที่ผ่อนคลาย ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่แพง และมีโอกาสได้ประโยชน์จากการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของนักลงทุนตามดัชนีหลัก จึงเป็นที่มาของการเปิดขายกองทุนเปิดกรุงศรีไชน่าอิควิตี้ CSI 300 (KFCSI300) ลงทุนในจีน A Shares เพื่อโอกาสเติบโตตามดัชนีหุ้นจีน CSI300 เหมาะทั้งสำหรับการจับจังหวะลงทุนช่วงสั้นๆ และการลงทุนระยะยาว
นางสุภาพร ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า "จีนเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำของโลกที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงแม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว จากการที่จีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก มีประชากรจำนวนมาก มีกำลังซื้อมหาศาล โอกาสการเติบโตจากเศรษฐกิจในกลุ่ม "New Economy" เริ่มมีสัดส่วนมากขึ้นต่อขนาดเศรษฐกิจ และจีนยังเป็นตลาดผู้บริโภคที่มีการเติบโตเร็วที่สุดส่งผลให้จีนเป็นประเทศผู้บริโภคหลักของโลก มีการคาดการณ์กันว่าในปี 2023 GDP ของจีนจะมีการเติบโตอยู่ที่ 4.8% (ที่มา : ChinaAMC(HK), Bloomberg ณ 31 ธ.ค. 65) นอกจากนี้ จีนยังมีแนวโน้มเติบโตมากกว่าประเทศหลักอื่นๆ ที่เจอปัญหาเงินเฟ้อและการขึ้นดอกเบี้ยอีกด้วย"
"ภาพรวมของเศรษฐกิจจีนเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีจากนโยบายที่ผ่อนคลายของภาครัฐที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้จะมีการประชุมของคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) ที่มีความเป็นไปได้ว่าที่ประชุมโปลิตบูโรจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหรืออาจจะมีการปรับเปลี่ยนแนวทางนโยบายครั้งสำคัญ แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อจีนในเรื่องของการส่งออกอยู่บ้างแต่ไม่น่ากังวลมากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจจีนถูกขับเคลื่อนโดยการบริโภคในประเทศเป็นหลัก"
"ด้านตลาดหุ้นจีนยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจลงทุน และมีศักยภาพที่ดีจากปัจจัยพื้นฐานของประเทศ และนโยบายของภาครัฐที่ผ่อนคลาย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนและจะสะท้อนเข้ามายังราคาของหุ้นจีน โดยราคาหุ้นจีนในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำกว่าความเป็นจริงและไม่แพงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตและยังถูกกว่าประเทศหลักต่างๆอีกด้วย ถือเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยเข้าไปลงทุนในหุ้นจีนแม้ระยะสั้นตลาดจะมีความผันผวนอยู่บ้าง"
"การลงทุนในหุ้นจีน A Shares ที่มีการกระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจภายในประเทศนั้นจะได้รับประโยชน์เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว อีกทั้งหุ้นจีน A Shares มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและมีโอกาสได้ประโยชน์จากการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของนักลงทุนตามดัชนี MSCI Emerging Market Index สำหรับดัชนี CSI 300 Index ถือเป็นดัชนีหุ้นจีน A-shares ที่เป็นตัวแทนของตลาดได้อย่างครอบคลุม และมีโอกาสเติบโตที่น่าสนใจ จากการที่มีสัดส่วนกว่า 70% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ทำให้สามารถสะท้อนผลการดำเนินงานของตลาดได้เป็นอย่างดี"
"ด้านราคาของดัชนี CSI 300 อยู่สูงกว่าระดับก่อนเปิดเมืองเพียง 8% ทั้งๆ ที่ตัวเลขโดยรวมฟื้นตัวขึ้นโดยเฉพาะภาคบริการที่ยังเติบโตได้ดี (ที่มา: Bloomberg ณ 31 พ.ค. 66) ปัจจุบัน PE Ratio ของดัชนี CSI 300 Index อยู่ที่ 11.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี มีการคาดการณ์กันว่าEPS Growth ของดัชนี CSI 300 มีโอกาสเติบโตได้สูงในปี 2566 และ 2567 อยู่ที่ 20.9% และ 15.7% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์การเติบโตของดัชนีในประเทศหลักอื่นๆ"(ที่มา :FactSet, STOXX, Goldman Sachs Global Investment Research ณ 22 พ.ค. 66)
"สำหรับกองทุนแนะนำของ บลจ.กรุงศรี คือ กองทุนเปิดกรุงศรีไชน่าอิควิตี้ CSI 300 (KFCSI300) ลงทุนในจีน A Shares มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลักชื่อว่า ChinaAMC CSI 300 Index ETF ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุน ETF ที่เน้นลงทุนในหุ้นจีน A-Shares ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งกองทุนหลักจะลงทุนในหุ้น 300 บริษัทแรกที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุด 300 บริษัทของจีนที่อ้างอิงจากดัชนี CSI 300 Index กองทุนหลักมีการกระจายการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรรมที่มีโอกาสได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและการเติบโตของธุรกิจในกลุ่ม "New Economy เช่น กลุ่มการเงิน อุตสาหกรรม ไอที และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น"
"กองทุนKFCSI300 มีสภาพคล่องสูง ค่าธรรมเนียมค่อนข้างต่ำ ทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี CSI 300 Index เหมาะสำหรับการลงทุนทั้งในรูปแบบของการจับจังหวะช่วงสั้นๆ หรือจะลงทุนระยะยาวเพื่อโอกาสของผลตอบแทนที่สอดคล้องไปดัชนีหุ้นจีนก็ได้เช่นกัน" นางสุภาพร กล่าว
สอบถามเพิ่มเติมพร้อมขอข้อมูลหนังสือชี้ชวนได้ที่บลจ.กรุงศรี โทร. 02-657-5757 หรือ www.krungsriasset.com หรือ ติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงซึ่งอาจทำให้ ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/ หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
ที่มา: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา