บมจ.ไทยพาร์เซิล (TPL) เดินหน้าเข้าเทรดในตลาด mai 30 มิ.ย.นี้ มั่นใจผ่านทุกการตรวจสอบตลาดฯ-ก.ล.ต. ก่อนเข้าเทรดฯ ผู้ถือหุ้นใหญ่ และ AQUA ยันไม่ขายออก! สบายใจได้อนาคตพลิกโฉมเปลี่ยนรถเป็น EV รอรับลูกค้ากลุ่ม ESG ลอยตัวเหนือการแข่งขันในตลาด ระบุเงินระดมทุนที่ได้นำไปขยายกิจการดันรายได้-กำไรเติบโตโดดเด่น อีกทั้งบริหารเรื่องต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำลงได้ราว 50% หลังเปลี่ยนจากน้ำมันเป็นไฟฟ้า ดันมาร์จิ้นพุ่ง
นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL เปิดเผยว่าบริษัทฯมีความพร้อมที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)ในหมวดบริการภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2566 มั่นใจผ่านการตรวจสอบทุกขั้นตอนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต)
"ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ รวมถึงบริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA หลังเสนอขายหุ้นไอพีโอจะมีสัดส่วนการถือหุ้น 26.73% พร้อมติดไซเรนท์พีเรียด ยันไม่ขายออก! สบายใจได้อนาคตพลิกโฉมเปลี่ยนรถเป็น EVรอรับลูกค้ากลุ่ม ESG ขณะที่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ แม้จะมีการแข่งขันที่รุนแรงแต่TPLด้วยจุดแข็งในการส่งสินค้าขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก หลากรูปทรง ถือเป็นผู้ให้บริการระดับ Niche ในตลาด Logistics ของประเทศไทย รวมทั้งมีการจัดพอร์ตบริหารความเสี่ยงกระจายกลุ่มลูกค้า B2B B2C C2C ได้ดีเยี่ยมไม่พึ่งพากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากเกินไป จึงสามารถลอยตัวเหนือการแข่งขันในตลาดได้อย่างแน่นอน"นายภัทรลาภกล่าว
สำหรับเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯมั่นใจว่าจะเพิ่มศักยภาพการเติบโตรายได้เพิ่มขึ้น 15-20% ซึ่งเติบโตได้มากกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทางบกที่อยู่ระดับ 3-5% โดยเงินจากการระดมทุนประมาณ 396 ล้านบาท จะนำไปใช้ซื้อที่ดินและก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาค (Regional Hub) และลงทุนในยานพาหนะทั้งรถบรรทุก 10 ล้อ และ 6 ล้อ ซึ่งใช้สำหรับการขนส่งในเส้นทางระหว่างภูมิภาค (Line Haul) เป็นหลัก และรถกระบะ 4 ล้อ เพื่อให้บริการได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
รวมทั้งจะปรับกองยานพาหนะด้วยการนำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในปี 2566 ซึ่งจากการศึกษาทดลองสามารถลดต้นทุนเชื้อเพลิงได้กว่า 50% จึงมั่นใจว่าการปรับมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งลงทุนสถานีชาร์จไฟฟ้า จะทำให้กลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่ให้ความสำคัญในด้าน ESG จะให้ความสนใจมาใช้บริการของบริษัทเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ค่าพีอีเรโชปรับลดลงไป ขณะเดียวกันยังทำให้บริษัทฯสามารถยกระดับให้เป็นองค์กรก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่หิลากรูปทรงด้วยระบบ"Green logistics"อีกด้วย"
ล่าสุด ณ ไตรมาส1/2566 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 2.41 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.90% จากงวดเดียวกันปีก่อนเท่ากับ 18.04% และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น(D/E) 0.53 เท่า ขณะที่บริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 50%ของกำไรสุทธิ
อนึ่ง บมจ.ไทยพาร์เซิล (TPL) อยู่ระหว่างการเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวนไม่เกิน 120 ล้านหุ้นคิดเป็น 22.90% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 3.30 บาท โดยเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 22-23 และ 26 มิถุนายน 2566 โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ TPL และมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายอีก 3 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด
ที่มา: ไทยพาร์เซิล